‘ทริปดอทคอม’ ชี้เว้นวีซ่าไทย-จีน ดันยอดค้นหาออนไลน์ ‘จีนเที่ยวไทย’ พุ่ง 90%

เจษฎาพันธุ์ จันทขันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด ประจำประเทศไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ของ Trip.com (ทริปดอทคอม) ระบุเช่นนั้น หลังพบว่ามีความสนใจร่วมกันอย่างมากในการเดินทางระหว่างสองประเทศ โดยใน 1 ชั่วโมงถัดมาหลังการแถลงดังกล่าว มี “ยอดการค้นหา” (Search Volume) คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับ “ประเทศไทย” บนแพลตฟอร์มในจีนของทริปดอทคอมกรุ๊ป เพิ่มมากกว่า 90% เมื่อเทียบกับชั่วโมงก่อนหน้าการแถลง เฉพาะยอดการค้นหาเที่ยวบินจาก “เซี่ยงไฮ้” และ “ปักกิ่ง” สู่กรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในทันที

ขณะเดียวกัน ยอดการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับ “ประเทศจีน” บนแพลตฟอร์มฝั่งไทยของทริปดอทคอม เพิ่มขึ้นมากกว่า 80% ในชั่วโมงถัดมาหลังข่าวนี้ถูกเผยแพร่ โดยจุดหมายปลายทางอย่าง กว่างโจว เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง คุนหมิง และเมืองอื่นๆ ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ใช้งานชาวไทย

“ในฐานะพันธมิตรของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสมาคมวัฒนธรรมระหว่างประเทศของจีน (China International Culture Association : CICA) ในการโปรโมตตลาดท่องเที่ยวขาเข้า (Inbound) ของทั้งสองประเทศ ทริปดอทคอมกรุ๊ปมองว่านโยบายที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวนี้ เป็นประโยชน์ต่อการเดินทางระหว่างประเทศอย่างแน่นอน เพราะช่วยลดอุปสรรคในกระบวนการวางแผนการเดินทาง เราตั้งตาคอยจุดเริ่มต้นข้อตกลงยกเว้นวีซ่าถาวรระหว่างกันของทั้งสองประเทศในเดือน มี.ค. 2567”

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สำหรับข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทย-จีน ว่าด้วยการยกเว้นวีซ่าของประชาชนสองประเทศอย่างถาวร จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวระหว่างชาวไทยและชาวจีนอย่างมาก นำไปสู่การเพิ่มเที่ยวบินระหว่างสองประเทศมากขึ้น ทำให้ “ค่าตั๋วเครื่องบิน” ที่ปัจจุบันราคาสูงขึ้นหลังเกิดวิกฤติโควิด-19 ปรับลดลงได้ จูงใจให้ “นักท่องเที่ยวจีน” เดินทางมากขึ้น เกิดการกระจายตัว และสามารถทำการตลาดเข้าถึงกลุ่มใหม่และพื้นที่ใหม่ๆ โดยเฉพาะ “เมืองรอง” ของประเทศจีนมากขึ้น

สำหรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนที่ ททท. ตั้งเป้าจำนวน “8 ล้านคน” ในปี 2567 หลังจากตลอดปี 2566 มีจำนวนเดินทางเข้าไทย 3.51 ล้านคน พอมีข้อตกลงยกเว้นวีซ่าถาวรระหว่างไทย-จีนแล้ว ททท.จะเพิ่มเป้านักท่องเที่ยวจีนได้อีกหรือไม่นั้น ต้องขอหารือกับ “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก่อน พร้อมประชุมกับผู้บริหารและผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. ในจีนทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง เฉิงตู และกว่างโจว เพื่อทบทวนแผนการทำตลาดอีกครั้ง

“ททท.จะต้องทำการตลาดในจีนมากขึ้น อยู่เฉยไม่ได้ เพราะในปี 2566 เศรษฐกิจจีนมีปัญหา ทางรัฐบาลจีนส่งเสริมให้คนเที่ยวภายในประเทศ คนจีนจึงไม่ออกไปเที่ยวนอกประเทศมากนัก ทำให้ ททท.ต้องเจาะตลาดเมืองรองของจีนให้มากขึ้น เนื่องจากชาวจีนในพื้นที่นั้นยังไม่เคยเดินทางมาเที่ยวไทย ซึ่งจำเป็นต้องใช้งบประมาณมาดำเนินการทั้งด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์”

สำหรับภาพรวมการทำตลาดนักท่องเที่ยวจีนในปี 2566 ททท.ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับ “8 พันธมิตรบริษัทชั้นนำ” ของสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงการจับมือกับสายการบินของจีนเพื่อเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น พัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างรอบด้าน ตอบสนองนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพชาวจีน นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับ “อ้ายฉีอี้” (iQIYI) แพลตฟอร์มสตรีมมิงของจีน โดยใช้โลเกชันในไทยถ่ายทำภาพยนตร์และซีรีส์ ซึ่งจะทำให้ชาวจีนอยากเดินทางตามรอยมาในประเทศไทยมากขึ้น

ล่าสุด ททท.ได้เชิญคณะสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนกว่า 120 รายมาสำรวจเส้นทางและสินค้าท่องเที่ยวในประเทศไทย ภายใต้กิจกรรม “Amazing Festive & Exclusive Trip in Thailand” เพื่อให้สัมผัสถึง “ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงบวก” โดยเฉพาะวัฒนธรรมและศิลปะชั้นสูงของประเทศไทย ผลจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกนำเสนอความสวยงามของประเทศไทยผ่านคอนเทนต์ของ “ผู้นำทางความคิด” (KOLs) และเผยแพร่ในแพลตฟอร์มชั้นนำ มียอดเข้าชมหลายล้านวิวแล้ว และคาดว่าจะมียอดวิวมากกว่า 250 ล้านครั้ง

“และที่ห่วงกันว่าการยกเว้นวีซ่าถาวรระหว่างไทย-จีน จะทำให้คนไทยไปเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นนั้น ททท.ไม่ได้ห่วงประเด็นนี้ เพราะในทางกลับกัน ประเทศไทยจะได้รับโอกาสในการเพิ่มนักท่องเที่ยวจีนมากกว่า จากฐานประชากรจีนซึ่งมีมากถึง 1,400 ล้านคน” ผู้ว่าการ ททท. กล่าว