เบียร์ ‘กำไรต่ำ’ สำรวจ 'ราคา' น้ำเมาเก่า-ใหม่ ศึกชิงนักดื่มหน้าตู้แช่

ตลาดเบียร์แสนล้าน กำลังห้ำหั่นกันแบบเข้มข้น เพราะมีน้องใหม่ ทุนใหญ่ 2 ยี่ห้อ “คาราบาว-ตะวันแดง”ของเจ้าพ่อคาราบาว "เสถียร เสถียรธรรมะ" มาเขย่าบัลลังก์ผู้นำ 2 ขั้วมหาอำนาจน้ำเมาเดิม “สิงห์-ช้าง” มองข้ามการแข่งขันเบียร์โลก "ไฮเนเก้น"
การแข่งขันนอกจาก “ผลิตภัณฑ์เบียร์” หรือ Product คือหัวใจสำคัญ รสชาติ ปริมาณแอลกอฮอลล์ถูกใจคอทองแดงแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ราคา”(Price) คืออีกปัจจัย “ชี้ขาด” ว่าใครจะยืนหยัดได้ในระยะยาว เพราะการขาย “ถูกกว่า” หรือแพงกว่า “คู่แข่ง” มีผลต่อความสามารถในการทำ “กำไร” ให้ธุรกิจอยู่รอด
เบียร์ แข่งราคามีอยู่ 2 ส่วนสำคัญ คือราคากลางน้ำ หรือการให้กับตัวแทนจำหน่าย เอเยนต์ในมือค้าขายแล้วมี “กำไร” ซึ่งแต่ละรายย่อมแตกต่างกัน เพราะศักยภาพในการขายให้แบรนด์ต่างๆมั่งคั่ง เฉกเช่นกับบรรดาห้างค้าปลีก ร้านค้าส่งภูธร ที่ขายสินค้าให้กับสารพัดแบรนด์ แต่เป้าหมายยอดขายแต่ละปี เรียกว่าทะลุทะลวงหลายร้อยล้าน ไปจนถึง “พันล้านบาท”
อีกราคาคือ “ปลายน้ำ” ที่จำหน่ายให้กับผู้บริโภค ที่จะตัดสินใจควักเงินซื้อหน้าตู้แช่ เลือกของอร่อยถูกปาก หรือเลือกซื้อนาทีสุดท้ายเพราะ “เงินในกระเป๋า” มีเท่านี้
แน่นอนว่าเบียร์ใหม่ จากผู้มากประสบการณ์ในการขายเบียร์สดผ่านโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เมื่อมาทำเบียร์บรรจุลงกระป๋อง ขวดแก้ว แถมมาพร้อมจุดขาย “มาตรฐานเยอรมัน” ทำให้ “คาราบาว-ตะวันแดง” กำลังเนื้อหอม เป็นที่อยากลองของนักดื่มหน้าเก่า-ใหม่ทั้งสิ้น
กรุงเทพธุรกิจ ชวนสำรวจตัวอย่างกำไรของ “เบียร์” ของค่ายไทยเบฟเวอเรจ ที่ผลงานครึ่งปีแรก หรือ ต.ค.-2565-มี.ค.2566(ปีงบประมาณ ต.ค.65-ก.ย.66)รายได้บริษัท 148,295 ล้านบาท สัดส่วนยอดขายเหล้ากับเบียร์ใกล้เคียงกันมาก 43.9% และ 43.5% ตามลำดับ ที่เหลือคือ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อาหาร ฯ ส่วน “กำไรสุทธิ” 15,737 ล้านบาท ความสามารถในการทำกำไรต่างกันลิบลับในแต่ละหมวดสินค้า(Category) โดยเหล้าทำกำไรถึง 81.6% เบียร์ 16.1% เท่านั้น ที่เหลืออื่นๆ รายได้ กำไรยังน้อยมากๆ
ไปดูกันต่อว่าใน 100% "ต้นทุนเหล้า" มีอะไรอยู่บ้าง เริ่มที่วัตถุดิบการผลิตกินสัดส่วน 7.8% บรรจุภัณฑ์ 7.5% ค่าแรง 1.1% ค่าเสื่อม 0.5% อื่นๆ 1.2% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร(Selling, General & Administrative Expenses หรือ SG&A) 4.3% และที่จ่ายหนักเป็นต้นทุนใหญ่คือ “ภาษีสรรพสามิต” หรือคนไทยเรียกติดปากว่า “ภาษีบาป” คิดเป็น 47.2% เป็นต้น
สรุปกำไรจากเหล้าจะมากถึง 19.5%
ชำแหละ “ต้นทุนเบียร์” กันบ้าง ใน 100% มีองค์ประกอบอะไรบ้าง วัตถุดิบการผลิตสัดส่วน 22.8% บรรจุภัณฑ์ 16.9% แรงงาน 1.3% อื่นๆ 2.6%ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 14.7% และภาษีสรรพสามิต 31.8% หักลบทุกอย่างแล้ว
กำไรของเบียร์จึงอยู่ที่ 3.8% เท่านั้น
การขายเบียร์ราคาปลีกแนะนำ แต่ละยี่ห้อจะไม่เท่ากัน เพราะนอกจากภาษีสรรพสามิต ปริมาณแอลกอฮอล์ที่แตกต่างกัน เช่น 4.8% 4.9% ต้นทุน ล้วนมีผลต่อราคา และอย่าลืมยังมีภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) อีก 7%
เห็นภาพ “ต้นทุน” แล้ว หากสำรวจตลาดในเวลานี้ จะเห็นว่า “ราคาเบียร์” แต่ละค่าย ยี่ห้อ ขายไม่เท่ากัน สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของนักดื่มอยู่ไม่น้อย
ขายผ่านห้างโมเดิร์นเทรด โลตัส เอ็กซ์เพรส
ค่ายคาราบาว
-เบียร์คาราบาว ลาเกอร์ขวดแก้ว 620 มล. ขายปลีก 60 บาท
-เบียร์คาราบาว ดุงเกล ขวดแก้ว 620 มล. ขายปลีก 60 บาท
ค่ายบุญรอดบริวเวอรี่(สิงห์)
-เบียร์สิงห์ ขวดเล็ก 320 มล. ราคา 41 บาท
-เบียร์สิงห์ ขวดแก้ว(ขวดใหญ่) 620 มล. ราคา 64 บาท
-เบียร์ลีโอ ขวดแก้ว 620 มล. ราคา 59 บาท
-มายเบียร์ ขวดแก้ว 620 มล. ราคา 54 บาท
-สโนวี่ ไวเซ่น ไวลด์ โรเซ่ กระป๋อง 490 มล. ราคา 63 บาท
-สโนวี่ ไซเว่น บาย เอส33(เบียร์พี่หมี) 490 มล. ราคา 59 บาท
ค่ายไทยเบฟเวอเรจ(ค่ายช้าง)
-เบียร์ช้าง คลาสสิก ขวดแก้ว 620 มล. ราคา 59 บาท
-เบียร์ช้าง คลาสสิก กระป๋อง 490 มล. ราคา 53 บาท
-เฟเดอบรอย ขวดแก้ว 620 มล. ราคา 69 บาท
-เฟเดอร์บรอย กระป๋อง 490 มล. ราคา 60 บาท
ค่ายไฮเนเก้น
-ไฮเนเก้น ขวดแก้ว 320 มล. ราคา 49 บาท
-ไฮเนเก้น ขวดแก้ว 620 มล. ราคา 75 บาท
-ไฮเนเก้น กระป๋อง 490 มล. ราคา 66 บาท
-เบียร์เชียร์ ขวดแก้ว 600 มล. ราคา 56 บาท
ค่ายอื่นๆ
-ซานมิเกล เซอเวซา บลังกา(ฟิลิปินส์) ขวดแก้ว 330 มล. ราคา 57 บาท
-ฟูลมูน เสเพลย์ โคลด์ ไอพีเอ(คราฟต์เบียร์) 330 มล. ราคา 109 บาท
-มหานคร แคชเมียร์ซิงเกิลฮอป(คราฟต์เบียร์) กระป๋อง 500 มล. ราคา 90 บาท
-เบียร์อาซาฮี (ญี่ปุ่น) กระป๋อง 490 มล. ราคา 62 บาท
เป็นต้น
จะเห็นว่า “ราคาเบียร์” แตกต่างกันตามต้นทุน ปริมาณแอลกอฮอล์หรือเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์(% Acl.) และค่าใช้จ่ายบริหารจัดการต่างๆ ฯ
อย่างไรก็ตาม หากเจาะลึกพฤติกรรมคอทองแดง นอกจากมีแบรนด์ในใจ รสชาติที่ใช่ ราคา ก็เป็นตัวแปรในการซื้อ แต่รสชาติโดนแล้วแพง จะทำให้สามารถซื้อแบรนด์ที่ใช่ได้ยาวๆหรือไม่ ต้องติดตาม เพราะเกมน้ำเมาสีอำพันนี้ "เสถียร" ยอมเฉือนกำไรบาง แลกกับ Volume ยอดขายมหาศาล และนี่คือเดิมพันของหน้าใหม่เจ้าพ่อคาราบาว ที่มองข้ามช็อตไม่ใช่แค่เบอร์รอง แต่จะโค่น! เจ้าตลาดไปแล้ว