ต่างชาติเที่ยวไทย 9 เดือน 20 ล้านคน ‘วีซ่าฟรี’ หนุนทัวริสต์จีน 1.8 หมื่นคน/วัน

ต่างชาติเที่ยวไทย 9 เดือน 20 ล้านคน  ‘วีซ่าฟรี’ หนุนทัวริสต์จีน 1.8 หมื่นคน/วัน

รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุถึงสถิติ 'นักท่องเที่ยวต่างชาติ' สะสมในช่วง 9 เดือนแรก (1 ม.ค. - 30 ก.ย.) ของปี 2566 มีจำนวน 19,976,837 คน แต่ถ้าดูข้อมูลล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 1 ต.ค. 2566 พบว่าทะลุ 20 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อย! ด้วยจำนวน 20,051,535 คน

เพิ่มขึ้น 250% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 839,409 ล้านบาท

โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 มาเลเซีย 3,280,622 คน อันดับ 2 จีน 2,509,698 คน อันดับ 3 เกาหลีใต้ 1,197,763 คน อันดับ 4 อินเดีย 1,165,935 คน และอันดับ 5 รัสเซีย 994,431 คน

สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา (25 ก.ย. - 1 ต.ค.) ถือเป็นสัปดาห์แรกของการบังคับใช้ “มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา” (Visa Exemption) หรือ “วีซ่า-ฟรี” เป็นการชั่วคราวประมาณ 5 เดือน ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 – 29 ก.พ. 2567 ทำให้ “นักท่องเที่ยวจีน” เป็นตลาดที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยจำนวน 106,472 คน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 44,744 คน หรือคิดเป็น 72.49% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน (18 - 24 ก.ย.) โดยเป็นการไต่ระดับจากวันที่ 25 ก.ย. ซึ่งเป็นวันแรกของการบังคับใช้มาตรการฯ เดินทางเข้ามา 10,988 คน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 1 ต.ค. เดินทางเข้ามาประมาณ 18,000 คนแล้ว

“ผลจากมาตรการวีซ่า-ฟรีแก่นักท่องเที่ยวจีน ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมา (25 ก.ย. - 1 ต.ค.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 552,419 คน หรือเฉลี่ยเดินทางเข้ามาวันละ 78,917 คน โดยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 71,015 คน คิดเป็น 14.75%”

นอกเหนือจากตลาดจีนที่เดินทางเข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 ในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยจำนวน 106,472 คนแล้ว พบว่าตลาดรองลงมาคือ มาเลเซีย 96,060 คน เกาหลีใต้ 41,981 คน อินเดีย 37,067 คน และ สปป.ลาว 24,311 คน

ทั้งนี้ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬาคาดการณ์ว่าจำนวน “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ในสัปดาห์ถัดไป (2 - 8 ต.ค.) จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในหลายภูมิภาคอยู่ที่ราว 540,000 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าประเทศ นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยหนุนจากช่วงหยุดยาว (Golden Week) “วันชาติจีน” ต่อเนื่อง และเดือน ต.ค. เป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ “ไฮซีซัน” ของนักท่องเที่ยวยุโรปอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวยังคงได้รับแรงกดดันจากต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ดำเนินอยู่

ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สำหรับมาตรการวีซ่า-ฟรีเป็นการชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ให้สามารถเดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ถือเป็นมาตรการที่ดำเนินมาถูกทางแล้ว ไม่ต้องใช้งบประมาณกระตุ้น แต่เห็นผล ดึงนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยได้จริง! เพราะแค่ประกาศบังคับใช้มาตรการฯ นักท่องเที่ยวจีนก็สนใจมาจำนวนมาก ทั้งยังส่งผลดีทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวฝั่งจีนกล้าทำตลาดมากขึ้นด้วย

“การเปิดวีซ่า-ฟรี ทำให้ผู้ประกอบการทัวร์จีนกล้าเสี่ยง เช่น เหมาที่นั่งสายการบิน จากก่อนหน้านี้ที่มีปัญหาเรื่องปริมาณที่นั่งโดยสารของเส้นทางบินระหว่างไทยและจีนยังมีน้อย”

อย่างไรก็ดี สทท.ต้องการเสนอไปยังภาครัฐให้พิจารณากระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติม 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1. ออกมาตรการ “วีซ่า-ฟรี” เพิ่มเติมแก่นักท่องเที่ยวจาก “อินเดีย” เพื่อกระจายความเสี่ยงเชิงตลาด และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2566 ให้ไปถึง 30 ล้านคน! วางฐานการเติบโตไปยังปี 2567 ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้ถึง 40 ล้านคน กลับไปเท่ากับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด จากเป้าเดิม ททท. เคยตั้งเป้าปี 2567 ไว้ที่ 35 ล้านคน

2.ตั้งทีม Tourism War Room” ทำงานแบบเรียล-ไทม์ ตอบโต้ข่าวเชิงลบที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวไทย โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รวมถึง สทท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันสร้าง Tourism Big Data” และ Social Listening” เพื่อรวบรวมข่าวสาร แก้เฟคนิวส์ ช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันต้องประชาสัมพันธ์ข่าวสารเชิงบวกของประเทศไทย สร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวจีนว่าเที่ยวเมืองไทยแล้วปลอดภัย โดยอาจนำบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิด (KOL) ชาวจีนเข้ามาประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม

และ 3.การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้น เสนอให้ปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยใช้โมเดลให้บริษัทนำเที่ยวที่รับลูกทัวร์ชาวจีน มาลงทะเบียนกับทางภาครัฐ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ชาวจีนเลือกเดินทางกับบริษัททัวร์กลุ่มดังกล่าว และมีการตรวจสอบควบคุมโดยตำรวจท่องเที่ยว

รายงานข่าวจาก สทท. ระบุถึง “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวไตรมาส 3/2566” อยู่ที่ระดับ 69 สะท้อนสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เป็นต้นมา เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซันของทั้งตลาดคนไทยและต่างชาติ ประกอบกับประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรฐกิจไทยที่ยังไม่แน่นอน และ “หนี้ครัวเรือน” ที่เพิ่มขึ้นจากวิกฤติโควิด-19 นอกจากนี้ยังกังวลเกี่ยวกับค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ขณะที่ช่วงต้นไตรมาสประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล อาจส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของประเทศในปี 2567 นอกจากนี้ “ภาคการส่งออก” ของไทยหดตัว 10 เดือนติดต่อกัน ส่งผลให้เม็ดเงินในมือของประชาชนน้อยลง 

จากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 3/2566 จึงต่ำกว่าไตรมาสที่ผ่านมา แต่ดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และยังถือว่าต่ำกว่าปกติในระดับมาก (ปกติ 100)

ด้านคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 4/2566 ค่าดัชนีฯ อยู่ที่ 75 สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการคาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 3/2566 เนื่องจากเป็นไฮซีซันของตลาดคนไทยและต่างชาติ รวมทั้งมีวันหยุดยาวถึง 6 ช่วง และการจัดกิจกรรมในเทศกาลต่างๆ จะส่งผลต่อสถานการณ์ท่องเที่ยวให้ดีขึ้น