ส่องการตลาดดิจิทัล อาวุธเข็นยอดขายน้ำอัดลม “เอส”

ส่องการตลาดดิจิทัล  อาวุธเข็นยอดขายน้ำอัดลม “เอส”

“อะแด็ปเตอร์ ดิจิทัล” ผนึก "แพลนบี มีเดีย" ติดอาวุธ “Omni Activation Journey” ให้น้ำอัดลมสัญชาติไทย "เอส" กระตุ้นยอดขายโต เฉพาะร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นกว่าพันสาขา ทำเงินโต 14.6%

 การทำแคมเปญสื่อสารการตลาดดิจิทัล มีหลายมิติที่จะผลักดันยอดขายสินค้าให้เติบโต นอกเหนือจากสร้างแบรนด์ เพิ่มการรับรู้ให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเป็นพื้นฐาน

“เอส โคล่า” น้ำอัดลมสัญชาติไทยภายใต้อาณาจักร “ไทยเบฟเวอเรจ” มีการพลิกกลยุทธ์การทำตลาดครั้งใหญ่รอบ 10 ปี ทั้งปรับสูตร เปลี่ยนจุดยืนไปสู่การเป็นน้ำอัดลมของอาเซียน มีการใช้พรีเซ็นเตอร์ะดับท็อปทั้งไทย และ K-Pop มาเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นฐานดื่มน้ำอัดลม

ขณะที่การทำตลาดดิจิทัล เป็นอีกหนึ่งหมากรุกของ “เอส” และมี “อะแด็ปเตอร์ ดิจิทัล” เป็นผู้ดูแลลูกค้า ล่าสุด ความสำเร็จด้านยอดขายในช่องทางร้านสะดวกซื้อเติบโต 14.6% มีกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เมื่ออะแด็ปเตอร์ฯ ผนึกกับ “แพลนบี มีเดีย” เบอร์ 1 สื่อโฆษณานอกบ้านงัดอาวุธ “Omni Activation Journey” หรือการสื่อสารตลาดเจาะลูกค้าวงกว้างทุกช่องทาง ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ รวมถึง “ช่องทางจำหน่าย” หรือร้านค้านั่นเอง

​นายอรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อะแด็ปเตอร์ ดิจิตอล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทร่วมมือกับแพลนบี มีเดีย และเอส โคล่า พัฒนากลยุทธ์สื่อโฆษณาแบบ Omni Activation Journey ใช้สื่อจอดิจิทัลนอกบ้าน (DOOH) โดยเฉพาะ สื่อ ณ จุดขาย (Retail Ads) ภายในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่นจำนวนกว่า 1,196 สาขาทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเพื่อกระตุ้นผู้บริโภคให้ตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ

อะแด๊ปเตอร์ฯ ดูแลลูกค้าเอส โคล่า ตั้งแต่การรีแบรนด์ ส่วนการลุยกลยุทธ์ Omni Activation เพื่อต่อยอดผลโหวตแคมเปญ Awesome or not ที่มีผู้บริโภคมากกว่า 1 แสนรายกดโหวตให้รสชาติเอสสูตรใหม่มีความ Awesome สูงถึง 91%

“เราอยากขยายความสำเร็จของแคมเปญออกไปให้ไกลยิ่งขึ้นด้วยการผสานสื่อที่ใช่ สอดคล้องกับจังหวะที่แพลนบี มีเดียกำลังมองหาวิธีการใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากสื่อ ณ จุดขายให้เต็มศักยภาพมากกว่าที่เคยพอดี ทั้งหมดจึงเป็นจุดตั้งต้นของกลยุทธ์ Omni Activation”

ทั้งนี้ แบรนด์ส่วนใหญ่มักมองว่าจอแอลอีดีนอกบ้านทุกรูปแบบเป็นสื่อโฆษณานอกบ้านเหมือนกันทั้งหมด แต่สื่อดิจิทัลนอกบ้านแต่ละรูปแบบมีลูกเล่นที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละตำแหน่งที่ตั้ง ขณะที่สื่อ ณ จุดขาย จะต้องทำหน้าที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อหรือCall to action นำไปสู่การสร้างยอดขายให้ได้ นอกจากการเลือกใช้สื่อแต่ละประเภทให้ชัดเจนว่าต้องทำหน้าที่แตกต่างกันไป การนำศาตร์เกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค(Behavioral Science) มาใช้ผ่านวิธีการนำเสนอข้อความ ภาพ และเสียง จะเชื่อมต่อทุกเส้นทางเข้าหากันจากรับรู้แบรนด์และสินค้าไปสู่การปิดการขาย

3 สื่อที่ผสานการตลาดครั้งนี้ ได้แก่ 1.สื่อจอดิจิทัลนอกบ้านทำหน้าที่สื่อสารให้ผู้บริโภคจำนวนมากรับรู้ (Provoking) แบรนด์เอสเปิดตัวโคล่าสูตรใหม่ เพื่อให้เกิดความต้องการสูงขึ้น 2.โฆษณษบนเฟซบุ๊กและติ๊กต๊อก(Dynamic Social Ads) ที่แสดงผลเนื้อหาต่างกันตามสถานที่ที่ผู้ใช้งานอยู่ ณ ช่วงเวลานั้น ตอกย้ำให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำแบรนด์ และ3.สื่อ ณ จุดขายในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น(Dynamic Retail Ads)กระตุ้นผู้บริโภคให้เกิดความรู้สึกอยากซื้อสินค้าโดยตรง

นางสาวพาขวัญ วงศ์พลทวี ประธานฝ่ายการตลาดและพันธมิตรธุรกิจ บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ผู้บริโภคในปัจจุบันได้เปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้สื่อโฆษณานอกบ้านมีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ

สอดคล้องกับปริมาณผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าใน Physical store ของ 7-Eleven ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งหมดนี้จึงสร้างแรงกระเพื่อมต่อให้ สื่อ ณ จุดขายกลายเป็นเครื่องมือที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เพราะเป็น Touch Point สุดท้ายของ Customer Journey ที่ผู้บริโภคจะได้ทั้งเห็น รับฟังสื่อโฆษณา และมีโอกาสได้สัมผัสผลิตภัณฑ์จริง”

“การร่วมมือลุยกลยุทธ์ Omni Activation Journey สะท้อนถึงพลังการทำงานร่วมกันระหว่างสื่อออฟไลน์และออนไลน์ที่สามารถต่อยอดการสื่อสารแคมเปญของลูกค้าเอสโคล่าให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ในทุกจุดสัมผัสหรือ Touch point ของการใช้ชีวิตประจำวัน ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างการรับรู้ การกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ไปจนถึงการปิดการขาย ที่สามารถวัดผลลัพธ์ได้จริง”

นางสาวสุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้อำนวยการสำนักการตลาด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า เอสโคล่าได้ปรับจุดยืนแบรนด์ Brand Positioning) เพื่อจับฐานผู้บริโภคกลุ่มเจนเนอเรชั่นซี(Gen Z) ภายใต้คอนเซปท์ “Born To Be Awesome เกิดมาซ่ากล้าเป็นตัวเอง” ช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา และมีการปรับรสชาติใหม่ให้มีเอกลักษณ์ความซ่าแบบชาวเอเชียน ปรับภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ให้ทันสมัยขึ้น ตรงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ พร้อมเลือกใช้เครื่องมือสื่อสารที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายจนได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีส่งผลให้เอส ประสบความสำเร็จอย่างมาก

  อีกปัจจัยความสำเร็จคือการได้จับมือกับพันธมิตรทั้งอะแด๊ปเตอร์ฯ แพลนบี มีเดียบุกเบิกใช้กลยุทธ์ Omni Activation Journey เพื่อเชื่อมต่อทุกจุดของสื่อดิจิทัลนอกบ้านนำไปสู่การซื้อสินค้า ณ จุดขาย

“ถือเป็นก้าวใหม่ในวงการการสื่อสาร แวดวงการตลาด และเอสโคล่า ถือเป็นแบรนด์แรกที่นำกลยุทธ์ Omni Activation Journey มาใช้”

ผลลัพธ์การใช้กลยุทธ์ Omni Activation Journey ส่งผลให้ยอดขายเอส โคล่าในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นกว่า 1,196 สาขาทั่วกรุงเทพฯ ช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 มีอัตราการเติบโต14.6% เทียบกับตอนยังไม่ลงสื่อโฆษณา รวถึงการสำรวจสุขภาพแบรนด์(Brand Health Check) โดย YouGov ที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์เอสโคล่า (เปรียบเทียบระหว่างช่วงก่อนและหลังแคมเปญระหว่างเดือนเม.ย.และพ.ค.) ด้านการเป็นแบรนด์น้ำอัดลมที่ผู้บริโภคชื่นชอบมากที่สุดเติบโต 50% ด้านการเป็นแบรนด์น้ำอัดลมที่ผู้บริโภคจะพิจารณาดื่มเติบโต 7.8% และด้านการเป็นแบรนด์น้ำอัดลมที่ผู้บริโภคมองว่ามีรสชาติที่ดีเติบโต 7.7%