GSC ฝากแบงก์ 70 ล้าน มีหลักฐานส่งผู้สอบบัญชีบ้างแล้ว / เคสโดนยึกยัก ทวงขอ 100 ล้าน

GSC ฝากแบงก์ 70 ล้าน มีหลักฐานส่งผู้สอบบัญชีบ้างแล้ว / เคสโดนยึกยัก ทวงขอ 100 ล้าน

GSC แจงข้อกังขาเงิน 70 ล้าน ฝากแบงก์ไร้หลักฐาน ยืนยันผู้สอบบัญชีได้หนังสือแจ้งยอดแล้ว 2 ใน 3 บริษัท ขณะที่ประเด็นกรรมการชุดปีก่อน ยับยั้งซื้ออสังหาฯ ชี้ทำตามขั้นตอน ส่วนอสังหาฯ A2R โดนผู้ขายเหลี่ยมใส่ จึงชิงบอกเลิกสัญญา 24 เม.ย.67 ร้องขอเงินคืน 100 ล้านพร้อมดอกเบี้ย

บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (GSC) แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ตามที่บริษัท ได้นำส่งงบการเงิน ประจำปี 2566 ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ("ตลาดหลักทรัพย์ฯ") ซึ่งผู้สอบบัญชีได้แสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขกรณีไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีของบัญชีเงินฝากธนาคารของกลุ่มบริษัท 70 ล้านบาท 
และมีข้อสังเกตกรณีบริษัทได้รับหนังสือจากกรรมการของบริษัท 4 ท่านในเดือนกันยายน 2566 ขอให้ระงับการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 150 ล้านบาท และรายการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยมูลค่า 60 ล้านบาท ดังมีรายละเอียดตามข่าวตลาดหลักทรัพย์ฯ ลงวันที่ 23 เมษายน 2567 เรื่อง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินของ GSC และติดตามคำชี้แจงของบริษัท ตามเอกสารที่อ้างถึงที่ 1 นั้น

บริษัทจึงขอเรียนชี้แจงข้อมูลตามคำถามของตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนี้
 

ประเด็นที่ 1 
สาเหตุที่ผู้สอบบัญชีถูกจํากัดขอบเขตโดยสถานการณ์ทําให้ไม่สามารถส่งหนังสือยืนยันยอดเงินฝากธนาคารของกลุ่มบริษัท จำนวนเงินประมาณ 70 ล้านบาทได้ ในขณะที่บริษัทแต่งตั้งคณะกรรมการแล้ว

บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า ในช่วงเวลาที่ผู้สอบบัญชีขอดูข้อมูลหนังสือยืนยันเงินฝากธนาคารของบริษัทย่อยของบริษัท ซึ่งได้แก่ 
(1) บริษัท อัลไลแอนซ์ แคช คอร์ปอเรชั่น จำกัด 
(2) บริษัท จีเอ็มบี โซลูชั่น จำกัด 
(3) บริษัทบริหารสินทรัพย์ แคปปิตอล เอเซีย จำกัด 
เพื่อใช้ในการจัดทำงบการเงินของบริษัทประจำปี 2566 นั้น แม้ว่าบริษัทเองได้เสร็จสิ้นกระบวนการแต่งตั้ง และเปลี่ยนกรรมการชุดใหม่แล้วก็ตาม
แต่ในขณะนั้นบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับคณะกรรมการ และผู้ถือหุ้นกลุ่มอื่นของบริษัททั้ง 3 บริษัท เพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ แก้ไขอำนาจลงนามของกรรมการ และแก้ไขอำนาจลงนามในบัญชีธนาคารของแต่ละบริษัทอยู่ 

ดังนั้นในขณะนั้นบริษัทจึงไม่สามารถนำส่งหนังสือยืนยันยอดเงินฝากธนาคารของบริษัทย่อย จำนวนเงินประมาณ 70 ล้านบาท ดังกล่าวให้กับผู้สอบบัญชีตามที่ผู้สอบบัญชีร้องขอได้ แต่บริษัทได้รายงานความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวให้ผู้สอบบัญชีทราบมาโดยตลอด

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ และอำนาจลงนามในบัญชีธนาคารของบริษัทย่อยจำนวน 2 บริษัท คือ 
(1) บริษัท อัลไลแอนซ์ แคช คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ (2) บริษัท จีเอ็มบี โซลูชั่น จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567

และผู้สอบบัญชีได้รับหนังสือยืนยันยอดเงินฝากธนาคารของบริษัทย่อยทั้ง 2 บริษัทนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คงเหลือแต่บริษัทบริหารสินทรัพย์ แคปปิตอล เอเซีย จำกัด ที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการภายในเพื่อเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัท แก้ไขอำนาจลงนามของกรรมการและแก้ไขอำนาจลงนามในบัญชีธนาคารของบริษัทดังกล่าวต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อบริษัทดำเนินการเปลี่ยนแปลงอำนาจลงนามในบัญชีธนาคารทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทก็จะสามารถชี้แจง และให้ข้อมูลทั้งหมดเพื่อประโยชน์ในการสอบบัญชีอย่างครบถ้วนถูกต้องได้ต่อไป

ประเด็นที่ 2 การพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับภาระผูกพันของที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างก่อนทํารายการ หรือชําระเงินมัดจําตามที่บริษัทได้เคยชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามเอกสารที่อ้างถึงที่ 2

บริษัทขอเรียนว่า การพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับภาระผูกพันของที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างก่อนทำรายการ และการชำระเงินมัดจำอยู่ในขอบอำนาจการอนุมัติโดยของคณะกรรมการบริษัทซึ่งการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเป็นคณะกรรมการคนละชุดกับคณะกรรมการบริษัทชุดปัจจุบันโดยมีรายละเอียดอำนาจการอนุมัติที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1) การเข้าทำธุรกรรมการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (รายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ประเภทที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และส่วนปรับปรุงพัฒนา)
- การวางเงินมัดจำหรือเงินประกันต่อบุคคลหรือกิจการภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการ และสาธารณูปโภค วงเงินเกินกว่า 500,000 บาท ต้องดำเนินการเสนอโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และอนุมัติโดยคณะกรรมการบริหาร
- การอนุมัติการขอซื้อสินทรัพย์ถาวร วงเงินเกินกว่า 5 ล้านบาท ต้องดำเนินการเสนอโดยคณะกรรมการบริหาร และอนุมัติโดยคณะกรรมการบริษัท
2) การเข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท แอสเซท เอเจนท์ แอนด์ เรียลเอสเตท จำกัด (สิ้นสภาพบริษัทย่อย)
- การขายสินทรัพย์ (ยกเว้นอสังหาริมทรัพย์) มูลค่าตามบัญชีเกินกว่า 10 ล้านบาท ต้องดำเนินการเสนอโดยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและอนุมัติโดยคณะกรรมการบริษัทโดยในการนี้ 

บริษัทโดยคณะกรรมการชุดปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทชุดวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 พิจารณาอนุมัติว่า ข้อมูลดังกล่าวถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ อย่างไร 

ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมใด ๆ บริษัทจะชี้แจงและเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัท

ประเด็นที่ 3 ความคืบหน้าของการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และการขายบริษัท แอสเซท เอเจนท์ แอนด์ เรียลเอสเตท จำกัด (A2R) รวมถึงผู้มีอํานาจลงนามในการทําธุรกรรมดังกล่าวตามที่บริษัทได้เคยเปิดเผยเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 และวันที่ 1 เมษายน 2567

บริษัทขอเรียนแจ้งเกี่ยวกับความคืบหน้าของการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และการขายบริษัท แอสเซท เอเจนท์ แอนด์ เรียลเอสเตท จำกัด (A2R)รวมถึงผู้มีอํานาจลงนามในการทําธุรกรรมดังกล่าว ดังต่อไปนี้

1) ธุรกรรมการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (รายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ประเภทที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และส่วนปรับปรุงพัฒนา)ตามที่เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 บริษัท ดิจิตอล พี.วี. จำกัด ("ผู้จะขาย") ไม่มีความพร้อมที่จะโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาจะซื้อจะขายทรัพย์สิน ฉบับลงวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ("สัญญาจะซื้อจะขายฯ") ให้แก่บริษัทอันเป็นกรณีที่ผู้จะขายผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดินฉบับนี้ ตามที่บริษัทได้เคยเรียนชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ตามเอกสารที่อ้างถึงที่ 2

ต่อมาบริษัทได้ส่งหนังสือให้แก่ผู้จะขาย เพื่อขอให้ผู้จะขายปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายฯ ในการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่จะซื้อขาย (ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง) ที่ปราศจากภาระผูกพันรวมถึงภาระติดค้าง หรือภาระหนี้สินอย่างใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่จะซื้อขายให้แก่บริษัท

อย่างไรก็ตาม ผู้จะขายกลับมีหนังสือตอบกลับมายังบริษัทเพื่อขอปฏิเสธการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาจะซื้อจะขายฯ ขอบอกเลิกสัญญา และริบเงินมัดจำ และราคาซื้อขายจำนวน 100 ล้านบาท ที่บริษัทชำระไปแล้วทั้งจำนวน 

โดยบริษัทจึงได้มีหนังสือตอบกลับไปยังผู้จะขายอีกครั้งหนึ่งเพื่อยืนยันขอให้ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายฯ โดยปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของผู้จะขายทั้งหมด เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 บริษัทได้เดินทางไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี พร้อมเช็คเงินสดจำนวน 50 ล้านบาท สำหรับการชำระราคาซื้อขายที่ดินงวดสุดท้ายตามสัญญาจะซื้อจะขาย

แต่ไม่พบผู้จะขายหรือผู้รับมอบอำนาจผู้จะขายที่สำนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานี แต่อย่างใด แม้ว่าผู้จะขายได้รับหนังสือของบริษัทโดยชอบแล้วก็ตาม 

ดังนั้นจึงถือว่าผู้จะขายจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจะซื้อจะขาย ภายในระยะเวลาพอสมควรตามที่บริษัท ได้บอกกล่าวให้ผู้จะขายดำเนินการ และเป็นฝ่ายผิดสัญญาจะซื้อจะขาย ในข้อสาระสำคัญต่อมา เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 บริษัทจึงได้ส่งหนังสือขอบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย กับผู้จะขาย โดยให้มีผลบังคับในทันทีนับแต่วันที่ผู้จะขายได้รับหนังสือขอบอกเลิกสัญญาดังกล่าว

และขอให้ผู้จะขายดำเนินการคืนเงินมัดจำ จำนวน 60 ล้านบาท และเงินค่าทรัพย์สินงวดที่ 2 จำนวน 40 ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาท (เรียกรวมกันว่า "เงินที่บริษัทจ่ายไปทั้งหมด") พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 100 ล้านบาท  ("ดอกเบี้ย") นับแต่วันที่ผู้จะขายได้รับเงินจำนวนดังกล่าวจนกว่าจะชำระเงินจำนวน 100 ล้านบาท ให้แก่บริษัท ครบถ้วนโดยขอให้ชำระภายใน 14 วันนับแต่วันที่ผู้จะขายได้รับหนังสือฉบับนี้จากบริษัท

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับเงินที่บริษัทจ่ายไปทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยคืนแต่อย่างใด บริษัทจึงอยู่ระหว่างการรับคืนเงินจำนวนดังกล่าว

และหากผู้จะขายเพิกเฉยไม่ดำเนินการดังกล่าวภายในกำหนดระยะเวลาข้างต้นบริษัทจะดำเนินการทางกฎหมาย และเรียกร้องค่าเสียหายต่างๆ กับผู้จะขายต่อไปในทันที

ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมใดๆ บริษัทจะชี้แจง และเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัท

2) ธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของ A2R บริษัทขอเรียนว่า เนื่องจากเอกสาร และข้อเท็จจริงสำหรับการพิจารณา และตรวจสอบกรณีธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของ A2R  มีจำนวนมาก

ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง และเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบสำหรับการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมใดๆ บริษัทจะชี้แจง และเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัท

ประเด็นที่ 4 สาเหตุที่บริษัทรับรู้กําไร และขาดทุนการขาย A2R ในแต่ละงวดบัญชีต่างกัน

บริษัทขอเรียนว่า ข้อมูลทางบัญชีที่คลาดเคลื่อนในประเด็นนี้เกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีการตัดรายการซ้ำซ้อนบนข้อมูลรายการทางบัญชีในไตรมาส 3 ที่บริษัทนำส่งให้กับผู้สอบบัญชีจึงทำให้ตัวเลขที่คำนวณออกมาแสดงผลเป็นกำไรจากการขายเงินลงทุนใน A2R

ทั้งนี้บริษัทต้องอภัยในความผิดพลาดนี้ และขอยืนยันว่าความคลาดเคลื่อนของข้อมูลดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความจงใจของบริษัทแต่อย่างใด

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์