เอสล่า ชี้เทรนด์บิวตี้แรงดันเครื่องมือแพทย์ด้านความงามบูม

เอสล่า ชี้เทรนด์บิวตี้แรงดันเครื่องมือแพทย์ด้านความงามบูม

“เอสล่า” เผยตลาดนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ด้านความงาม 2 พันล้านบูม ดัน PicoSure เครื่องแรกของโลกเจาะบีทูบี-บีทูซี หนุนโต 35%

นายวรุตม์ สุทธินันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสล่า จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ชั้นนำด้านความงาม กล่าวว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมความงามทั่วโลกและประเทศไทยหลังยุคโควิด-19 มีการฟื้นฟูและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มของเครื่องมือแพทย์ด้านความงาม

ทั้งนี้ ผู้บริโภคได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น  เห็นคุณค่าและต้องการดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ทำให้มีความต้องการในสินค้าและบริการทางด้านความงามและสุขภาพ ส่งผลโดยตรงต่อการลงทุนและการขยายตัวของตลาดกลุ่มนี้สูงมากขึ้นเป็นพิเศษ 

โดยพบว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ด้านความงามในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เติบโต 15%

ขณะที่เทรนด์นวัตกรรมความงามในปัจจุบันยังคงเน้นการแก้ปัญหาผิวต่างๆ บนใบหน้าเป็นสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาเม็ดสีบนใบหน้า และการยกกระชับผิวหน้า โดยจะมุ่งแข่งขันกันด้วยเทคโนโลยีที่เห็นผลการรักษาที่ชัดเจน ปลอดภัย และรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

อีกทั้งยังให้ความสำคัญในเรื่องของการลดความเจ็บปวดและใช้เวลาในการพักฟื้นหลังทำการรักษาที่น้อยลง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันของผู้บริโภคที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

"นับเป็นโอกาสในการขยายตลาดผ่านสินค้านวัตกรรมใหม่เพื่อความงาม"

 

เอสล่า ชี้เทรนด์บิวตี้แรงดันเครื่องมือแพทย์ด้านความงามบูม

ล่าสุด บริษัทจัดงาน 'PICOSURE FOCUS ON VERSATILE REVOLUTION EXCLUSIVE INSIGHT' ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยนำ 'PicoSure' หนึ่งในเทคโนโลยี Picosecond laser 755 NM. เครื่องแรกของโลก เข้ามาให้ความรู้แก่แพทย์ความงามในไทย เพื่อถ่ายทอดประสิทธิภาพการใช้งานที่ช่วยยกระดับวงการนวัตกรรมความงามของประเทศไทย และช่วยขยายสินค้าทั้งในคลินิกและโรงพยาบาล

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความรู้ให้แก่อุตสาหกรรมความงาม โดยมีแผนเข้าร่วมกับโรงพยาบาลและโรงเรียนแพทย์ต่างๆ เพื่อทำการศึกษาผลการใช้นวัตกรรมความงามกับรอยโรคที่ซับซ้อนและยากในการรักษา และร่วมเผยแพร่เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนไทยมากที่สุด

บริษัท ยังมีการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจด้วยสินค้าและบริการนวัตกรรมใหม่ ตอบโจทย์การทำธุรกิจทั้งแบบลูกค้าธุรกิจ (B2B) และลูกค้าทั่วไป (B2C) มากยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ การขยายตลาดเชิงรุกตั้งเป้าหมายการเติบโตในปี 2566 นี้ ไม่น้อยกว่า 35% หรือมีรายได้อยู่ที่ 500 - 700 ล้านบาท