'มาม่า-ส.ขอนแก่น-ล่าเมียว’ ร่วมทุนเปิดร้าน ‘แซบมิวเซียม’ เจาะคนรักบะหมี่ฯ
3 พันธมิตร "มาม่า ส.ขอนแก่นฟู้ดส์-ล่าเมียว" ลงขัน 20 ล้านบาท ตั้งบริษัทร่วมทุนเปิดร้านอาหาร "แซบมิวเซียม" นำจุดแข็งแต่ละฝ่ายทั้งเก่งบะหมี่ฯ บริหารร้านอาหาร มีกำลังพล เดินหน้าเสิร์ฟเมนูอร่อยเจาะลูกค้าจีน เอาใจคนรักบะหมี่ฯเต็มสูบ
โจทย์สร้างการเติบโตของ “มาม่า” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเบอร์ 1 ของเมืองไทย นอกจากพัฒนาสินค้าใหม่ตอบสนองตลาดและผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง อีกการบ้านคือการขยายตลาด หากโอกาสใหม่ๆ เสริมแกร่งธุรกิจด้วย
หลายปีที่ผ่านมาหมวดธุรกิจ “ร้านอาหาร” เป็นสิ่งที่ “ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์” ผู้ผลิตมาม่า พยายามขยายน่านน้ำ มีการปั้นโมเดลใหม่ๆออกมา “ทดลอง” โดยเฉพาะในงานสหกรุ๊ปแฟร์
ปี 2565 “มาม่าช็อป” โมเดลร้านอาหารสร้างสรรค์เมนูบะหมี่ฯต่างๆ เสิร์ฟลูกค้า ปัจจุบันต่อยอดสู่การเป็น “มาม่า สเตชั่น” โดยพันธมิตรนักลงทุน นอกจากนี้ บริษัทยังมีการดึงร้านราเมน “โคราคุเอ็น” เบอร์ 1 จากญี่ปุ่นที่มีจำนวนสาขามากสุด มาเปิดให้บริการในประเทศไทย
ล่าสุด การรุกธุรกิจร้านอาหารของ “มาม่า” ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการร่วมทุน 3 พันธมิตร ได้แก่ ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ ส.ขอนแก่น และผู้ประกอบการร้านอาหารจีน Spicy Cat ล่าเมียว ตั้งบริษัท แอลเอ็ม เอสเค ไทยฟูดส์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท เพื่อลุยขยายร้านอาหารภายใต้แบรนด์ “แซบมิวเซียม”
พันธมิตรใหม่ "มาม่า" แกร่งบริหารร้านอาหารเจาะลูกค้า
โดยบริษัทมีรายชื่อกรรมการ 6 คน ประกอบด้วย รัตตรุจน์ ทองประดิษฐ์, สุวัฒน์ นิกรพงษ์สิน, รุจโรจน์ ทองประดิษฐ์, จรัญพจน์ รุจิราโสภณ (ทายาท ส.ขอนแก่น) ศรัญ ญาณโสภนานันท์ และ พันธ์ พะเนียงเวทย์
พันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการสำนักกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA เล่าว่า ถือเป็นการรุกธุรกิจร้านอาหารก้าวไปอีกขั้นของบริษัท เพราะครั้งนี้เป็นการร่วมทุนพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง แตกต่างกันไป เช่น ล่าเมียว มีไอเดียสร้างสรรค์เมนูอาหารจานหลัก จานรอง เพื่อตอบสนองผู้บริโภค โดยเฉพาะชาวจีน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ขณะที่ส.ขอนแก่น ถือว่าคร่ำหวอดในธุรกิจอาหารมานาน รวมถึงมีร้านอาหารมีกำลังพล มีความสามารถในการดำเนินการหรือโอเปอเรชั่น เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ ขณะที่มาม่า มีผลิตภัณฑ์บะหมี่ฯที่ต่อยอดเมนูอร่อยแก่ลูกค้า
สำหรับการร่วมทุนกับพันธมิตร มาม่า มีความยืนหยุ่นและไม่จำกัดกรอบการลงทุน ถือหุ้นราว 15% เท่านั้น แต่พร้อมที่จะเติบโตร่วมกัน
ขณะที่คอนเซปต์การเปิดร้านแซบมิวเซียม ถือเป็นโปรเจคค่อนข้างใหญ่ รวมถึงขนาดของร้านด้วย เพราะสาขาแรกที่จะเปิดให้บริการที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 มีพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร(ตร.ม.) จะเปิดให้บริการเดือนพฤษภาคมนี้ จากนั้นจะขยายสาขา 2 ต่อเนื่อง ยึดทำเลทองที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม
ไฮไลต์นอกจากรังสรรค์เมนูเด็ดจากบะหมี่ฯ เช่น มาม่าหม้อไฟ ภายในร้านจะมีการสาธิตวิธีการทำบะหมี่ฯ ให้ลูกค้าได้เห็นสร้างประสบการณ์ และเอ็นเกจเมนต์กับแบรนด์ รวมถึงการสแกนใบหน้าลูกค้าลงบนถ้วยบะหมี่ฯ เพื่อเป็นของที่ระลึก เป็นต้น
ส่วนกลุ่มเป้าหมาย ยังมุ่งเจาะลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน เนื่องจากพันธมิตร “ล่าเมียว” เชี่ยวชาญการทำอาหารจีน เสิร์ฟชาวจีนมาแล้ว ก่อนหน้านี้ยังเคยนำมาม่าไปพัฒนาเมนู นำตุ๊กตุ๊กไปแต่งร้าน เพื่อเปิดให้บริการในประเทศจีนด้วย แต่เมื่อเผชิญโควิด-19 ระบาด ทำให้ต้องหยุดกิจการ รวมถึงกลุ่มคนที่รักบะหมี่ฯด้วย เพราะที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนหนึ่งมีการซื้อมาม่าเป็นของฝาก หรือนำกลับประเทศจีนด้วย
“เงินทุนตั้งต้น 20 ล้านบาท เบื้องต้นจะใช้เปิดร้านแน่ๆ 2 สาขา ที่เทอร์มินอล 21 และไอคอนสยาม ส่วนอีก 2 สาขา ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งเดิมจะเปิดสาขา 3 ที่ย่านสยามสแควร์ แต่ปรับแผนงานเล็กน้อย หาทำเลใหม่ เพื่อเปิดร้านเพิ่ม”
ในอนาคต หากจะขยายสาขามากขึ้น จำเป็นต้องหาเงินทุนเพิ่มจากแหล่งสินเชื่อต่างๆ ขณะที่การเปิดร้านใหญ่ คาดการณ์สร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อวัน เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุน ส่วนลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยมองยอดใช้จ่ายอยู่ที่ 400-500 บาทต่อคน
“การเปิดร้านในทำเลทอง เป็นสิ่งที่พันธมิตรกล้าทำ และมีไอเดียสร้างสรรค์ การนำเสนอเมนูอาหาร ขณะที่มาม่า ทำหน้าที่เป็นสนับสนุน ร่วมลงทุน เหมือนเข้าไปหนุนสตาร์ทอัพ"
การร่วมทุนครั้งนี้ เป้าหมายยอดขายเมื่อเทียบกับการขายมาม่าระดับหมื่นล้านบาทต่อปี อาจดูไม่มาก แต่เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ผู้บริโภคเห็นแบรนด์มาม่าหรือ Brand visibility อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาไว้ซึ่งแบรนด์ของเรา หากเปรียบเป็นการสื่อสารการตลาดนับว่ามีมูลค่ามหาศาล
