สำรวจสินค้าแฟชั่น-เสื้อผ้าหลังโควิด เร่งปรับตัวครั้งใหญ่ ชูความหลากหลาย

สำรวจสินค้าแฟชั่น-เสื้อผ้าหลังโควิด เร่งปรับตัวครั้งใหญ่ ชูความหลากหลาย

ตลาดสินค้าแฟชั่นหลังโควิด แบรนด์ไทย แบรนด์ญี่ปุ่น ต่างเร่งการปรับตัวครั้งใหญ่ ทั้งแบรนด์ผ้าพันคอ คิส มี ดอล มุ่งสู่ตลาดออนไลน์ มูจิ นำเสนอสินค้าให้หลากหลาย ยูนิโคล่ ปรับแผนขยายสาขาใกล้ชุมชนครั้งสำคัญ เข้าสู่ยุคใหม่การทำธุรกิจด้วยความยั่งยืน  

กลุ่มสินค้าแฟชั่นเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องและขยายตัวสอดคล้องกับเศรษฐกิจ โดยมีการประเมินจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กับตลาดเครื่องแต่งกายโลกปี 2566 จะขยายตัวเพียง 0.8-1.5% เท่านั้น ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อกำลังซื้อ ทำให้ผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าแฟชั่นต้องมุ่งไปสู่การสร้างความยั่งยืน ตามเทรนด์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป และการปรับตัวในเรื่องวัตถุดิบในการผลิตสินค้า 

จากทิศทางตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้กลุ่มสินค้าแฟชั่นไทยอย่าง Kiss me doll มุ่งการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ และไม่แข่งขันเรื่องราคา พร้อมรุกตลาดพรีเมียม ส่วนแบรนด์จากต่างประเทศทั้ง มูจิ ที่ยังคงรักษาแนวทางการทำธุรกิจด้วยความยั่งยืน เปิดตัวสินค้าที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ต่อเนื่อง พร้อมคงความเป็น มินิมอล 

 

 

รวมถึงแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง "ยูนิโคล่" ยังเดินหน้าขยายธุรกิจในตลาดไทย และการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดสาขาใหม่เข้าไปในชุมชนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้การปรับตัวของแบรนด์สินค้าแฟชั่นและเสื้อผ้าทั้งหมด จึงสามารถสร้างการเติบโตและไม่ได้ใช้กลยุทธ์แข่งขันในเรื่องราคาแต่อย่างใด

 

สำรวจสินค้าแฟชั่น-เสื้อผ้าหลังโควิด เร่งปรับตัวครั้งใหญ่ ชูความหลากหลาย

แบรนด์ผ้าพันคอไทย "คิส มี ดอล" มุ่งรักษาตลาดกลุ่มเดิม เน้นความพรีเมียม
นายพสิษฐ์ รัตน์จารุพงศ์ ผู้ก่อตั้ง Kiss me doll บริษัท คิส มี ดอล จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดแบรนด์ผ้าพันคอ คิส มี ดอล (Kiss me doll) กล่าวว่า ตลาดสินค้ากลุ่มแฟชั่นมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบสองปี หลังจากได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคอาเซียนและตลาดประเทศจีน ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนถือเป็น นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อทรงพลังในโลก จึงเป็นผลดีต่อตลาดโดยรวม

“ในช่วงโควิดสองปีที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มแบรนด์สินค้าแฟชั่นและแบรนด์ผ้าพันคอหายไปจากตลาดพอสมควร เนื่องจากมีการปิดประเทศที่ทำให้การท่องเที่ยวและสถานการณ์กำลังซื้อที่อยู่ในภาวะทรงตัว โดยแบรนด์สินค้าแฟชั่นและผ้าพันคอที่สามารถอยู่ในตลาดได้นั้นจะต้องมาจากการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสร้างโอกาสใหม่ในตลาดได้เสมอ"

สำรวจสินค้าแฟชั่น-เสื้อผ้าหลังโควิด เร่งปรับตัวครั้งใหญ่ ชูความหลากหลาย

หากประเมินตลาดสินค้าในกลุ่มแฟชั่นยังมีการแข่งขันในเรื่องราคาระดับสูง เป็นตลาดเรดโอเชียน แต่นโยบายของบริษัทไม่ได้แข่งขันในเรื่องราคา โดยได้วางกลยุทธ์การมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน การกำหนดราคาสินค้าที่มีความเป็นพรีเมียม และมุ่งคุณภาพสินค้าที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในตลาด ทำให้สามารถรักษาแบรนด์ให้มีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

จากแนวโน้มตลาดแฟชั่นในปีนี้ที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง ทำให้บริษัทได้วางแผนจะขยายสาขาใหม่รวม 5 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการรวม 15 สาขา ทำให้ในสิ้นปีนี้จะมีสาขาเปิดให้บริการรวม 20 สาขา เน้นทำเลในรถไฟฟ้า ที่สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทย

ในช่วงสถานการณ์โควิด 2 ปีที่ผ่านมา แบรนด์สามารถสร้างธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง และได้มีการขยายช่องทางจำหน่ายไปในออนไลน์ และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่เป็นช่องทางที่ลูกค้าให้ความสนใจเลือกซื้อสินค้าจำนวนมาก นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการดีไซน์สินค้า และการนำเสนอคอลเลคชั่นใหม่ ล่าสุดได้จัดทำคอลเลคชั่นผ้าพันคอที่เป็นลายพระพิฆเณศ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบในศิลปะและศรัทธาในองค์พระพิฆเณศ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า และมีแผนที่จะเปิดตัวคอลเลคชั่นต่อเนื่องออกมาทำตลาดในปีนี้ ทั้งนี้ประเมินว่าในปี 2566 สามารถสร้างการเติบโตของยอดขายที่ 40-50% เป็นการกลับมาเติบโตสูงอีกครั้งในรอบ 2-3 ปี

 

สำรวจสินค้าแฟชั่น-เสื้อผ้าหลังโควิด เร่งปรับตัวครั้งใหญ่ ชูความหลากหลาย แบรนด์ “มูจิ”เปิดสาขาใหม่ 8-10 สาขา เน้นสินค้ากลุ่มใหม่ เปิดไลน์เครื่องใช้ไฟฟ้า

แบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นกับ “มูจิ” ที่เป็นต้นกำเนิดของความเป็นมินินอล โดยเข้ามาทำตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2549 รวมระยะเวลา 17 ปีแล้ว และขยายสู่การจัดตั้ง บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจให้มูจิในไทย โดยที่ผ่านมาสามารถรักษาการเติบโตในตลาดไทยได้อย่างดี ตามเทรนด์ของผู้บริโภคในไทยที่ให้ความสนใจในเรื่อง มินินอล และสอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่มุ่งไปสู่ความยั่งยืน รวมถึงมุ่งนำเสนอสินค้าที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับวัตถุดิบในการผลิตสินค้าที่มุ่งการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมเช่นกัน

แผนของมูจิ (MUJI) ในปี 2566 เตรียมแผนเปิดสาขาใหม่ 8-10 สาขา จากในปัจจุบันมี 29 สาขา และมีแผนต่อยอดโมเดลร้านขนาดใหญ่มากขึ้น พร้อมกันนี้ได้มีการขยายสู่ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า นับเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีที่แบรนด์มูจิ รุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว เนื่องจากเห็นโอกาสจากการนำสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์เข้ามาจำหน่ายแล้วได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความเป็นมินิมอลของมูจิ จึงต้องการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มนี้

ในช่วงที่ผ่านมา มูจิ มีการนำเข้าสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ได้แก่ พัดลมปรับอากาศไร้เสียง,พัดลมตั้งโต๊ะ,พัดลมพกพาและเครื่องพ่นอโรม่า เข้ามาทำตลาดอยู่แล้ว

สำรวจสินค้าแฟชั่น-เสื้อผ้าหลังโควิด เร่งปรับตัวครั้งใหญ่ ชูความหลากหลาย

นายมาซาชิ โอกะ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายจัดซื้อ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเปิดตัวกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของมูจิ จะเน้นฟังก์ชัน และมีดีไซน์มินิมอลแบบมูจิ จึงได้นำเข้าผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นเครื่องมือเข้ามาทำตลาดอย่างเต็มตัวครั้งแรก ภายใต้แนวคิด "The Simple Design that naturally blend into your life." โดยกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่ได้เปิดตัว 5 รายการ ได้แก่ หม้อหุงข้าว เตาอบ เครื่องดูดฝุ่น พัดลมตั้งพื้น และไดร์เป่าผม เน้นโทนสีขาวในสไตล์มินิมอล

สำรวจสินค้าแฟชั่น-เสื้อผ้าหลังโควิด เร่งปรับตัวครั้งใหญ่ ชูความหลากหลาย

ยูนิโคล่ วางแบรนด์อยู่ใกล้ชิดชุมชน รุกเปิดสาขาสาขานอกศูนย์การค้า 

แบรนด์เครื่องแต่งกาย “ยูนิโคล่” (UNIQLO) ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ได้เข้ามาเปิดสาขาแรกในไทย ตั้งแต่ปี 2554 รวมระยะเวลา 12 ปีแล้ว และมีสาขาในไทยรวมประมาณ 61 สาขา โดยได้มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและการสร้างนวัตกรรมในสินค้าอย่างไม่หยุดนิ่ง รวมถึงการปรับแผนในการขยายสาขาใหม่มาตั้งแต่ปี 2561 กับการเปิดสาขานอกร้าน หรือ ยูนิโคล่โรดไซด์สโตร์ ซึ่งได้วางรูปแบบให้เป็นศูนย์กลางของชุมชนที่ทำให้ลูกค้าสะดวกสบายในการเข้าถึง เสื้อผ้า LifeWear มากขึ้น รวมถึงได้มีมุ่งทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน

ทั้งการจัดมุมกิจกรรมสำหรับเด็ก การนำร้านค้าในชุมชนมาเปิดเป็น pop-up shop เล็ก ในร้านยูนิโคล่โรดไซด์ ซึ่งจุดเด่นของร้านจะมีทั้งการอยู่ใกล้แหล่งชุมชน ที่ตั้งติดถนนทำให้เดินทางสะดวก การมีที่จอดรถอย่างเพียงพอ การมีสินค้าสำหรับเด็ก ครอบครัว และผู้หญิง

จากผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าต่อเนื่องทำให้ในปีนี้ ยูนิโคล่ ได้วางแผนจะเปิด ยูนิโคล่โรดไซด์สโตร์ จำนวน 3 สาขาใหม่ทั้ง ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ ยูนิโคล่โรดไซด์ ลาดกระบัง ได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในย่านชุมชนอย่างย่านลาดกระบัง ใกล้กับมหาวิทยาลัยและสนามบินสุวรรณภูมิ สาขาต่อมา ยูนิโคล่โรดไซด์ บุญถาวร บางนา ในเดือน พ.ค.นี้ ตั้งอยู่ที่บุญถาวร บางนา บนถนนบางนา-ตราด 

ส่วนสาขาที่สาม ยูนิโคล่โรดไซด์ ขอนแก่น ถือเป็นสาขาแรกในต่างจังหวัดและภาคอีสาน ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้าอู้ฟู่ขอนแก่น ใกล้แหล่งช้อปปิ้งและตลาดท้องถิ่น ซึ่งมีแผนเปิดในวันที่ 6 เม.ย.นี้ โดยการเปิดสาขายูนิโคล่โรดไซด์ ได้วางรูปแบบให้เป็นศูนย์กลางของชุมชนที่ทำให้ลูกค้าสะดวกสบายในการเข้าถึงเสื้อผ้า LifeWear มากยิ่งขึ้น

ในปัจจุบัน ยูนิโคล่โรดไซด์สโตร์ มีสาขาเปิดให้บริการ ทั่วกรุงเทพฯ รวมกว่า 6 สาขา ได้แก่ ยูนิโคล่โรดไซด์ พัฒนาการ ตามมาด้วยยูนิโคล่โรดไซด์ ลาซาล อเวนิว, ยูนิโคล่โรดไซด์ บุญถาวร ปิ่นเกล้า, ยูนิโคล่โรดไซด์ มีนบุรี, ยูนิโคล่โรดไซด์ อินเด็กซ์ชัยพฤกษ์ และ ยูนิโคล่โรดไซด์ นวมินทร์