PTG รุกธุรกิจ "นอนออยล์" ขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร "ออโต้แบคส์"

PTG รุกธุรกิจ "นอนออยล์" ขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร "ออโต้แบคส์"

PTG เดินหน้ารุกธุรกิจ "นอนออยล์" ขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร "ออโต้แบคส์" ตั้งเป้าขยายให้ครบ 100 สาขา ในปี 2566 คาดในปี 2568 เปิดให้บริการกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ

"ออโต้แบคส์" ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรจากญี่ปุ่น ได้เริ่มเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2543 เป็นที่รู้จักของคนไทยตั้งแต่ประมาณ 20 ปีที่แล้ว โดยถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2560 เมื่อ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เข้าไปซื้อหุ้น บริษัท สยามออโต้แบคส์ จำกัด ในสัดส่วน 38.26% และล่าสุดในปี 2563 ที่ผ่านมา ซื้อหุ้นเพิ่มรวมเป็น 76.52% ทำให้ PTG สามารถกำหนดแนวทางการดำเนินธุรกิจของออโต้แบคส์ได้สะดวกขึ้น

นายรังสรรค์ พวงปราง ประธานกรรมการ บริษัท สยามออโต้แบคส์ จำกัด และผู้ช่วยกรรการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า ภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นศูนย์บริการรถยนต์ออโต้แบคส์ แล้วนั้น ส่งผลให้บริษัท สยามออโต้แบคส์ จำกัด เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการขยายศูนย์บริการในประเทศไทย โดยบริษัทฯ มุ่งหวังที่จะเพิ่มสัดส่วนกำไรจาก ธุรกิจ non-oil ให้เพิ่มสูงขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันแต่เพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม จากการที่ในอดีตได้เกิดแบรนด์คู่แข่งมากขึ้น ออโต้แบคส์ ได้กำหนดทิศทางที่ชัดเจน โดยเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ให้รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์ พร้อมหาสาเหตุของปัญหา และแนวทางการแก้ไข ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากลูกค้าในระยะยาว โดยการซ่อมบำรุงช่วงล่างต่างๆ จะใช้เวลาไม่เกิน 3 - 4 ชั่วโมง ซึ่งออโตแบคส์จะเสนอแพ็กเกจดูแลรถยนต์รายปี ช่วยให้ลูกค้าควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี 

PTG รุกธุรกิจ \"นอนออยล์\" ขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร \"ออโต้แบคส์\"

นายรังสรรค์ กล่าวต่อว่า สำหรับ ออโต้แบคส์ ถือเป็นธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ในรูปแบบโมเดิร์นที่ให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรฐานในการให้บริการของพนักงาน ทั้งในงานช่างและงานบริการ โดยมีการตรวจประเมินจากทีมงานออโต้แบคส์ ประเทศญี่ปุ่นเป็นประจำทุกปี อีกทั้งยังมีการจัดการอบรมต่างๆ ให้พนักงานของเรามีเชี่ยวชาญในเรื่องรถยนต์ เพื่อส่งต่อความปลอดภัยด้วยมาตรฐานที่ไว้ใจได้ ให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน โดยผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับรถที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ รวมถึงสภาพสิ่งแวดล้อม ถือเป็นหัวใจสำคัญของออโต้แบคส์ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นก็ยึดถือแนวคิดนี้เช่นกันคือ ไม่ได้มองว่าเป็นธุรกิจรถยนต์ แต่มองว่าเป็นธุรกิจค้าปลีก ต้องทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย ด้วยการเพิ่มเครือข่ายให้แพร่หลายมากขึ้น พร้อมยกระดับคุณภาพ และความหลากหลายของทั้งการบริการและสินค้า

"ออโต้แบคส์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสรรหาสินค้าและบริการที่เป็นมิตร เพื่อตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับ ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV โดยพยายามจะเลือกเฟ้นสิ่งที่ดีที่สุดในราคาที่เหมาะสม เพื่อนำเสนอให้ลูกค้าได้มีทางเลือกในการรับบริการที่มากขึ้น"

PTG รุกธุรกิจ \"นอนออยล์\" ขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร \"ออโต้แบคส์\"

สำหรับผลดำเนินการปี 2565 ที่ผ่านมา นายรังสรรค์ เปิดเผยว่า จากการขยายสาขาทั่วประเทศ 47 สาขา ส่งผลให้ยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 94% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยมีรายได้ปี 2565 กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ วางแผนขยายสาขาให้ครบ 100 สาขา ในปี 2566 และตั้งเป้ารายได้รวมที่ 700 ล้านบาท และวางแผนเปิดให้บริการกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ ภายในปี 2568 และจะขยายเป็น 350 สาขาทั่วประเทศในปี 2570 เพื่อมุ่งสู่ผู้ให้บริการอันดับ 1 ในธุรกิจ Fast – Fit ขณะที่ส่วนตลาดรวมอยู่ที่ปีละ 35,000 ล้านบาท โดยเบอร์ 1 ขณะนี้มียอดขายปีละราว 8,000 ล้านบาท ซึ่งเราเชื่อว่าจากความตั้งใจให้บริการลูกค้าและขยายสาขาเพิ่มจะทำให้อีก 4 ปี เราจะขึ้นแท่นเป็นผู้นำและมีรายได้เกินเบอร์ 1 ที่ทำได้ในตอนนี้

"แต่ละศูนย์บริการมีพนักงานดูแล 6 - 7 คนโดยปริมาณ ซึ่งก่อนจะรับเข้าประจำศูนย์บริการจะมีการฝึกอบรม 1 เดือน เพื่อเพิ่มความชำนาญในการให้บริการมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เราจะรับคนที่มีประสบการณ์ในการทำงาน รวมถึงร่วมมือกับสถาบันการศึกษารับฝึกงานให้กับเด็กสายช่างโดยตรง ซึ่งปกติแล้วการเปลี่ยนยางปกติจะต้องเปลี่ยนในระยะ 3 - 4 หมื่นกิโลเมตร และไม่ควรถึง 3 ปี"

นายรังสรรค์ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงสถานการณ์วิกฤติโควิดที่ผ่านมา ราคาพลังงานที่ผันผวนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้งานรถยนต์ในประเทศ ซึ่งปีที่ผ่านมา การใช้บริการได้กลับมาในระดับปกติ และยอดซื้อรถมากขึ้น ออโต้แบคส์ ยังมั่นใจว่าจะยังคงเติบโตได้อีก และด้วยวิสัยทัศน์ของ PTG ตั้งเป้าขึ้นผู้นำในตลาดของทุกธุรกิจที่ทำ จากการที่เป็นแบรนด์แข็งแกร่งในตลาด

PTG รุกธุรกิจ \"นอนออยล์\" ขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร \"ออโต้แบคส์\"

"ภายใน 2 ปีนี้ ออโตเแบคส์มีแผนเตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพราะด้วยศักยภาพเราทำได้ไม่ยาก ด้วยบริการที่มีมาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค และราคาที่ต้องจับต้องได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญตอนนี้คือ ให้ข้อมูลลูกค้า และชักจูงให้เข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่มธุรกิจเรา"

ปัจจุบัน พีทีจี เอ็นเนอยี มีสมาชิกที่ใช้บริการผ่านบัตรสมาชิก "PT Max Card Plus" ราว 2 แสนคน จากสถิติมีการใช้งานสม่ำเสมอแอคทีฟกว่า 90% โดยตั้งเป้าสิ้นปีมีสมาชิกกว่า 1 ล้านราย โดยส่วนใหญ่เป็นการโอนจากสมาชิก PT Max Card ที่ปัจจุบันมีสมาชิกราว 19 ล้านราย ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับ อาทิ ส่วนลดในการซื้อสินค้าบริการมากถึง 60% ขณะที่ยางรถยนต์รับสิทธิประโยชน์ซื้อ 3 แถม 1 ทุกยี่ห้อ

นอกจากนี้ ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ อาทิ บัตรชมภาพยนตร์ 2 ที่นั่ง ส่วนลดราคาน้ำมัน 50 สตางค์/ลิตร (200 ลิตรต่อเดือน) ส่วนลดกาแฟ 50% ที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และ Coffee World (10 แก้วต่อเดือน) ฟรีค่าบริการจัดส่งน้ำมันฉุกเฉินจากบริการ Max Service 1 ครั้งต่อรอบอายุบัตร สิทธิ์ส่วนลด 60% ในการซื้อน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% กับน้ำมันเครื่อง Maxnitron

ขณะที่สมาชิกของ PT Max Card จะได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ใน 4 รูปแบบ ได้แก่

  1. Privilege ร่วมมือกับแบรนด์พันธมิตรกว่า 100 ราย ใช้แต้มแลกสิทธิประโยชน์ เช่น Centara, Mc Donald, Zen Group, Major, SE-ED, Dunkin Donut เป็นต้น 
  2. Point Exchange พิเศษยิ่งขึ้นเมื่อเชื่อมโยงระบบเข้ากับพันธมิตร สามารถแลกเปลี่ยนแต้ม (โอนแต้ม) ข้ามไปยังบัตรสมาชิกอื่นๆ (Swap point) ที่ร่วมรายการ ทำให้ผู้ใช้ได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้น เช่น The1, True, K Bank, KTC, KCC เป็นต้น 
  3. Business Partner เป็นมิติใหม่ของการให้บริการที่สมาชิกไม่ต้องถือบัตรหลายใบอีกต่อไป สามารถเชื่อมโยงกับระบบบัตรสมาชิกของ PT Max Card สามารถสะสมและแลกแต้มได้ 100% เพื่อสะดวกต่อการใช้งานและบริการแบบครบวงจรยิ่งขึ้น เช่น Lamina
  4. Customize สามารถได้แต้ม PT Max Card จากการร่วมสนุกกับแคมเปญต่างๆ ของพันธมิตร เช่น ทิพยประกันภัย, We Chef เป็นต้น

PTG รุกธุรกิจ \"นอนออยล์\" ขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร \"ออโต้แบคส์\" PTG รุกธุรกิจ \"นอนออยล์\" ขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร \"ออโต้แบคส์\" PTG รุกธุรกิจ \"นอนออยล์\" ขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร \"ออโต้แบคส์\"