เสริมอาหาร-บิวตี้จ่อเปิดตลาด จับตาสินค้ากัญชา-กัญชงแผ่วนโยบายรัฐไม่ชัด

เสริมอาหาร-บิวตี้จ่อเปิดตลาด จับตาสินค้ากัญชา-กัญชงแผ่วนโยบายรัฐไม่ชัด

ตลาดเสริมอาหาร บิวตี้กลับมาโตแรงในปี 2566 เทรนด์สินค้ากลุ่มไวเทนนิ้ง แอนตี้เอจจิ้งนำตลาด แบรนด์น้องใหม่พร้อมแข่ง ส่วนสินค้าเสริมอาหาร เครื่องดื่มจากกลุ่มกัญชา กัญชง กระท่อม ตลาดทรงตัว จากนโยบายรัฐไม่ชัด

ภายหลังที่สถานการณ์โควิดคลี่คลายทำให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติ ทำให้เทรนด์การดูแลความงาม กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดรวมเครื่องเสริมอาหาร ความงาม และเครื่องสำอาง ได้รับผลดีและยังดึงดูดให้แบรนด์น้องใหม่ ตัดสินใจลงทุน เดินหน้าเปิดตัวสู่ตลาดจำนวนมาก

ขณะเดียวกันเป็นที่น่าจับตา! ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากกัญชา กัญชง กระท่อม แนวโน้มทรงตัว หลังภาครัฐกำหนดนโยบายไม่ชัด กระทบเอกชนลงทุน

นาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมเสริมอาหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โควิก เคทท์อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จํากัด บริษัทรับจ้างผลิต (OEM) รายใหญ่ของประเทศ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง กล่าวว่า ปี 2566 ตลาดผลิตความงาม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของไทย มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีอีกครั้งและคาดว่าจะเติบโตสองหลัก มีมูลค่า 7-8 แสนล้านบาท

จากปัจจัยบวกทั้ง โควิดที่คลี่คลายทำให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติ มีกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้นและทุกคนกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ มีการจัดกิจกรรมสังสรรค์ต่างๆ ตลอดปี รวมถึงมีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว จึงต้องแต่งหน้าและเสริมความงามเพิ่มขึ้น

เสริมอาหาร-บิวตี้จ่อเปิดตลาด จับตาสินค้ากัญชา-กัญชงแผ่วนโยบายรัฐไม่ชัด สอดคล้องกับการแข่งขันในตลาดปีนี้ที่จะกลับมาแข่งขันรุนแรงมากยิ่งขึ้น และมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาในตลาด โดยเฉพาะรายเล็ก ตามเทรนด์ตลาดที่กลับมาขยายตัว โดยประเมินว่ากลุ่มสินค้าที่มาแรงจะเป็น กลุ่มไวเทนนิ่ง รองลงมา กลุ่มแอนตี้เอจจิ้ง และกลุ่มผลิตภัณฑ์กันแดด

สำหรับภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของไทยในปีก่อนมีมูลค่าประมาณ 5-6 แสนล้านบาท โดยมีการชะลอตัวลง เนื่องจากมีโควิดรอบใหม่ในช่วงปลายปี ทำให้ลูกค้าเลือกใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องเสริมความงามมากนัก

เปิดกลยุทธ์การสร้างแบรนด์โตแกร่ง

กลยุทธ์การทำตลาดเพื่อสร้างแบรนด์สู่กลุ่มลูกค้า ผู้ประกอบการไทยควรเร่งดำเนินการทั้ง 1. การเลือกใช้ช่องทางโซเชียลทำตลาด เนื่องจากเป็นช่องทางที่มาแรงและได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคสูง 2. ควรให้ความสำคัญในการทำวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มใหม่จะให้ความสนใจศึกษาข้อมูลและผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า

ขณะที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมจากสมุนไพรไทยในปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 20% โดยตลาดมีมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านบาท เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคยังให้ความสนใจดูแลสุขภาพ และยังมีกลุ่มผู้ป่วยที่เป็น ลองโควิด จึงต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยกลุ่มที่เน้นการบำรุงสุขภาพและบำรุงอวัยวะต่างๆ ถือเป็นกลุ่มที่มาแรงสุด

จับตา‘เสริมอาหาร’จากกัญชาทรงตัว

ด้านผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีส่วนผสมจากกัญชา กัญชง และกระท่อม ออกมาทำตลาดมากขึ้น นาคาญ์ มองว่า ตลาดสินค้ากลุ่มนี้มีแนวโน้มที่ทรงตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากนโยบายของภาครัฐที่ไม่ชัดเจน และกระแสข่าวเกี่ยวคนไทยที่บริโภคอาหารที่มีส่วนผสมจากกัญชาแล้วมีอาการแพ้ กระทบต่อเนื่องต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยที่ผ่านมามีผู้ประกอบการไทยจำนวนหลายรายที่ได้ลงทุนโรงงานเพื่อสร้างสารสกัดจากกัญชาไปแล้ว งบลงทุนร่วม 100 ล้านบาท จึงได้รับผลกระทบพอสมควร

ทั้งนี้ภาคเอกชนอยากให้มีกฎหมายลูกออกมาที่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเสริมอาหารเกี่ยวกับ กัญชา กัญชง และกระท่อม ตลอดจนการกำหนดเรื่องการทำฉลากให้ชัดเจน และมีการดูแลจากภาครัฐอย่างใกล้ชิด โดยควรมีการหารือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อหาแนวทางในการกำหนดกรอบรายละเอียดต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค

ภาพข่าวที่ออกในช่วงก่อนหน้านี้คือ มีคนแพ้จากการทานอาหารที่มีส่วนผสมจากกัญชา แต่ก็มีบางคนที่ไม่แพ้ โดยอาจเป็นการใส่ส่วนผสมจากกัญชาที่มากกว่าปกติ ตามที่กฎหมายกำหนด จึงควรมีดูแลและตรวจสอบผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด รวมถึงการแสดงรายละเอียดผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีความชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคและควรมีกฎหมายลูกมาดูแลเพื่อการบังคับใช้อย่างจริงจัง