“จีนเปิดประเทศ” ทวงแชมป์ท่องเที่ยวไทยปี 66

“จีนเปิดประเทศ” ทวงแชมป์ท่องเที่ยวไทยปี 66

“ทัวริสต์จีน” คัมแบ็ครอบ 3 ปี ทวงแชมป์ท่องเที่ยวไทยปี 66 ประเดิมด้วยจำนวนไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน “ททท.” ประชุมเตรียมความพร้อมกับภาคเอกชนวันนี้ รองรับนักท่องเที่ยว “จีน-อินเดีย” ที่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนกลับประเทศ แล้วเจอกรณีผลเป็นบวก

++ จีนทวงแชมป์เที่ยวไทยปี 66

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หลังจากวานนี้ (9 ม.ค.) คณะผู้บริหาร 3 กระทรวง นำทีมโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย ด้วยสายการบิน Xiamen Airlines เที่ยวบินที่ MF 833 จากเมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้โดยสาร 269 คน มีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (โหลดแฟคเตอร์) 93% เนื่องในโอกาสจีนเปิดประเทศ ผ่อนคลายมาตรการเดินทาง ยกเลิกมาตรการกักตัวขาเข้า มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป

ททท.คาดการณ์ว่าตลอดปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน กลับมามากเป็นอันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 20% เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปีนี้ที่คาดการณ์มีไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน หลังจากปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย 11 ล้านคน มากเป็นอันดับ 1 ครองสัดส่วน 27% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยทั้งหมด 39.9 ล้านคน

“ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้ยกเลิกมาตรการตรวจใบรับรองการฉีดวัคซีน (Vaccine Certificate) ก่อนเข้าประเทศ ส่วนนักท่องเที่ยวจากชาติที่ต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทางกลับเข้าประเทศ เช่น จีน และ อินเดีย ต้องซื้อประกันสุขภาพวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพราะหากผลตรวจเป็นบวกก่อนกลับประเทศ จะได้เข้ารับการรักษาพยาบาลในไทย โดยไม่ต้องเป็นภาระด้านงบประมาณของประเทศไทย”

++ เตรียมมาตรการรับ “จีน-อินเดีย” กรณี RT-PCR เป็นบวก

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า วันนี้ (10 ม.ค.) จะประชุมผ่านช่องทางออนไลน์ร่วมกับตัวแทนผู้ประกอบการบริษัทท่องเที่ยวจากทั้งฝั่งจีนและอินเดีย เช่น สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) และหอการค้าอินเดีย-ไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมด้านระบบจัดการ หากตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR แล้วพบว่าผลเป็นบวกก่อนเดินทางกลับประเทศนั้นๆ เช่น นักท่องเที่ยวอาจจะไปกักตัวรักษาตัวเองที่โรงแรม หรือจะ Walk-in เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลหรือไม่

เบื้องต้น ททท.เข้าใจว่าทางบริษัทประกันน่าจะมีการกำหนดเงื่อนไขรายละเอียดอยู่แล้วว่าหากติดโควิด-19 ในต่างประเทศ สามารถวอล์กอินเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลคู่สัญญา ทั้งนี้อาจจะมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยที่เลือกว่าจะเข้ารับการกักตัวในฮอสพิเทล (Hospitel) หรือโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA+ แทนการเข้าโรงพยาบาล เพราะอาการไม่หนัก จนกว่าจะมีผลตรวจเป็นลบ นอกจากนี้ ททท.จะเร่งเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการโรงแรม SHA+ ด้วย เพราะเป็นสถานที่ที่ต้องให้บริการตรวจ RT-PCR แก่นักท่องเที่ยวจากประเทศดังกล่าวก่อนเดินทางกลับ

 

++ บุกโรดโชว์จีนปลายเดือน ก.พ.นี้

ด้านนักท่องเที่ยวจีนมาไทยในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ททท.ประเมินว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมประมาณ 3 แสนคน เดือน ม.ค. จำนวน 6 หมื่นคน เดือน ก.พ. จำนวน 9 หมื่นคน และเดือน มี.ค. จำนวน 1.5 แสนคน ทั้งนี้ต้องจับตาตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.นี้เป็นต้นไป เพราะจะเห็นการกระจายเที่ยวบินจากจีนสู่สนามบินในต่างจังหวัดของไทยมากขึ้น เช่น เส้นทางบินจากเซี่ยงไฮ้ ไปภูเก็ตและเชียงใหม่

 

ทั้งนี้ ททท.เตรียมจัดโรดโชว์ส่งเสริมการขาย Amazing Thailand Roadshow to China 2023” ที่ประเทศจีน ในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเฉิงตู เพื่อนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวในไทยประมาณ 60 ราย เดินทางไปพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวฝั่งจีน

 

++ 7 วันแรกศักราชใหม่ “รัสเซีย”เที่ยวไทยสูงสุด

ททท. รายงานสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ระหว่างวันที่ 1-7 ม.ค. 2566 มีจำนวนสะสม 419,516 คน อันดับ 1 คือ รัสเซีย 46,128 คน รองลงมา มาเลเซีย 45,517 คน เกาหลีใต้ 32,977 คน อินเดีย 22,393 คน และ สปป.ลาว 19,674 คน ส่วนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเป็นอันดับที่ 12 จำนวน 12,308 คน

ด้านสถิติตลอดปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 11,818,727 คน อันดับ 1 คือ มาเลเซีย จำนวน 1,951,834 คน รองลงมาเป็น อินเดีย 965,994 คน สปป.ลาว 844,958 คน กัมพูชา 591,657 คน และสิงคโปร์ 589,770 คน ส่วนจีนเดินทางเข้าไทยมากเป็นอันดับที่ 14 ด้วยจำนวน 286,511 คน