10 เดือน เม็ดเงินโฆษณาสะพัด ขยับใกล้ 1 แสนล้าน! ลุ้นบอลโลก ดันยอดโค้งสุดท้าย
ฟื้นช้าแต่ฟื้นนะ สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา เมื่อแบรนด์ต่างๆ ยังคงใช้จ่ายเงินสะพัด ดันการเติบโต 10 เดือน กว่า 10% เม็ดเงินรวมขยับใกล้ 1 แสนล้านบาท "ทีวี" โกยเงินสูงสุด แต่ตุลาคมอยู่ในแดน "ลบ" สิ่งพิมพ์ ต้องแก้โจทย์หาทางเข้าสู่ "แดนบวก" ต่อไป
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลายเป็นหนึ่งใน “วิกฤติ” ที่ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และ “โฆษณา” เป็นหมวดที่โดนหางเลขเช่นกัน การค้าขายทำเงินไม่ได้ หรือขายสินค้าและบริการได้แต่ค่อนข้างน้อย ทำให้แบรนด์ต่างๆต้อง “รัดเข็มขัด” ใช้จ่ายเงินโฆษณาอย่างระมัดระวังมากขึ้น
ทว่า ตั้งแต่กลางปี 2565 ที่ผ่านมา สถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย มาตรการต่างๆถูกปลดล็อกมากขึ้น ทำให้สมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสื่อ โฆษณา ต่างฟันธงว่าปีนี้การใช้จ่าย Bounce Back เรียบร้อยและส่งผลให้ตลาด “เติบโต” แม้จะเป็นครั้งแรกที่ฟื้นตัวช้า เพราะใช้เวลาร่วม 2 ปีก็ตาม จากปกติหลังวิกฤติเพียงปีเดียวตลาดก็กลับมาแข็งแรงได้
สอดคล้องกับรายงานจาก “นีลเส็น” ที่ระบุภาพรวมการใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณาในเดือนตุลาคม 2565 มีมูลค่ารวม 9,912 ล้านบาท เติบโต 6.09% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เกือบทุกสื่อเติบโต เว้นเพียงสื่อ “โทรทัศน์” หดตัวเล็กน้อย 4.94% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ ภาพรวม 10 เดือน หรือมกราคมถึงตุลาคมปี 2565 เม็ดเงินโฆษณามีมูลค่ารวม 98,025 ล้านบาทเติบโต 10.48% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ “สื่อทีวี” ยังคงเป็นสื่อที่มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดอยู่ที่ 54%
แยกตามประเภทสื่อ 10 เดือน ทีวี โกยเม็ดเงินโฆษณามูค่า 52,626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.41% สื่อโฆษณานอกบ้านและสื่อเคลื่อนที่ 11,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.44% สื่อในโรงภาพยนตร์ 6,142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168.91% วิทยุ 2,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.78% สื่อสิ่งพิมพ์ 2,507 ล้านบาท ลดลง 1.72% สื่อโฆษณาในห้าง 727 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.39% และสื่ออินเตอร์เน็ตมูลค่า 22,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.15%
หมวดสินค้าและบริการพระเอกยืนหนึ่งใช้จ่ายเงินสูงสุด คืออาหารและเครื่องดื่ม มูลค่า15,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามด้วย สื่อและการตลาด 5,269 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% ยา 4,933 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% การเงิน 3,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% ภาครัฐ 3,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% และท่องเที่ยวมูลค่า 1,747 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% เป็นต้น ส่วนสินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคลและเครื่องสำอาง ใช้เงินเป็นอันดับ 2 มูลค่า 12,158 ล้านบาท อยู่ระดับ “ทรงตัว”
ทั้งนี้ มี 6 หมวดที่ชะลอใช้จ่ายเงินอยู่ใน “แดนลบ” ได้แก่ ค้าปลีกและร้านอาหาร มูลค่า 9,751 ลดลง 3% ยานยนต์ 4,672 ล้านบาท ลดลง 2% สินค้าเครื่องใช้ภายในครัวเรือน 3,126 ล้านบาท ลดลง 14% การสื่อสารและโทรคมนาคม 2,820 ล้านบาท ลดลง 15% เครื่องใช้ไฟฟ้า 1,571 ล้านบาท ลดลง 9% และเสื้อผ้าและเครื่องประดับ 282 ล้านบาท ลดลง 35%
3 องค์กรธุรกิจที่ใช้เงินสูงสุด ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง 10 เดือนใช้จ่ายเงิน มูลค่า 3,154 ล้านบาท ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามด้วย เนสท์เล่(ไทย)มูลค่า 2,254 ล้านบาท ลดลง 10% และพรอคเตอร์แอนด์แกมเบิล(พีแอนด์จี) 2,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ปิดท้ายอันดับ 10 คือ สำนักนายกรัฐมนตรี ใช้งบโฆษณากว่า 1,069 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ใช้กว่า 311 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการใช้จ่ายเงินโฆษณาที่เติบโต ยังมีอีกตัวแปรสำคัญ ที่จะทำให้เม็ดเงินสะพัด นั่นคือมหกรรมกีฬาใหญ่อย่าง "ฟุตบอลโลก 2022" ที่แม้จะมีสปอนเซอร์ ผู้ลงขันทุ่มเงินไปซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมาให้แฟนๆชาวไทยได้ดู แต่ระหว่างการถ่ายทอด ยังเห็นแบรนด์สินค้าหลายรายการ ที่ร่วมเทงบโฆษณา เช่น เครื่องดื่มตราลีโอ ไข่ต้มซีพี หรือช่อง JKN ที่ถ่ายทอดสด จะเห็นการนำสินค้าในเครือของ แอน จักรพงษ์ มา Utilize เวลาอย่างเต็มที่ เป็นต้น
ส่วนฟุตบอลโลก จะหนุนเงินโตมากน้อยแค่ไหน ต้องลุ้นตอนจบการฟาดแข้ง แต่ที่ได้อานิสงส์ไปก่อนแล้ว คือ "เรทติ้ง" ของทีวีช่องต่างๆ ที่ขยับขึ้น ภาพรวมฟุตบอลโลกจึงทำให้อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาคึกคัก แต่การรู้ผลว่าจะได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไหม คนไทยจะได้ดูหรือเปล่า ค่อนข้างช้า เลยทำให้แบรนด์ทำกิจกรรมตลาดได้ไม่สะใจ! เท่าที่ควร