‘ซาอุฯ’ โอกาสทอง ทุนไทย 'อินเด็กซ์' ยกทัพอีเวนท์ งานแฟร์ เฟสติวัล เจาะตลาด

‘ซาอุฯ’ โอกาสทอง ทุนไทย   'อินเด็กซ์' ยกทัพอีเวนท์ งานแฟร์ เฟสติวัล เจาะตลาด

อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ วางยุทธศาสตร์โกอินเตอร์ โกยรายได้เติบโตมีเสถียรภาพระยะยาว ปักหมุด "ซาอุดีอาระเบีย" ขุมทรัพย์แห่งโอกาสจัดอีเวนท์ งานเทรดแฟร์ เฟสติวัล ประเดิมยกทัพภาพใหญ่ประเทศไทย การค้า ลงทุน ท่องเที่ยว Soft Power เขย่าตลาด

นับตั้งแต่ประเทศไทยกับประเทศ “ซาอุดีอาระเบีย” ฟื้นความสัมพันธ์ในรอบ 30 ปี ได้สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยมากมายตามมา โดยก่อนหน้านี้ ทุนไทยหลายเซ็กเตอร์ได้ไปเยือนซาอุฯ พร้อมกับรัฐบาล เมื่อกลับมา จึงวางแผนสานต่อ สร้างการเติบโต

“อินเด็กซ์ ครีเอทีฟวิลเลจ” เป็นอีกทุนไทยที่เห็นขุมทรัพย์แห่งโอกาสในตลาดซาอุฯ จึงวางแผนเชิงรุก จัดทัพอีเวนท์ไปชิมลาง แต่เล็กๆ ไม่ งานนี้ต้องลุยแบบยิ่งใหญ่ตามสไตล์ “เจ้าพ่ออีเวนท์” และเป็นบิ๊กเพลเยอร์ท็อป 7 ของโลก

เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เล่าว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทั่วโลกเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกกลาง ยุโรป สหรัฐฯ ต่างตบเท้าทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น

ขณะที่อินเด็กซ์ ซึ่งเคยวางโร้ดแมปเชิงรุกในการบุกตลาดต่างประเทศ จัดงานอีเวนท์ งานแฟร์ งานเทศกาลต่างๆ แต่เมื่อเกิดไวรัสระบาด ทำให้บริษัทต้องแตะเบรกไปพร้อมกับทั้งโลก ทว่า ห้วงเวลานี้ ปัจจัยรอบด้านเอื้อแล้ว บริษัทจึงวางหมากรบบุก “ต่างแดน” อีกครั้ง

โดยหนึ่งในหมุดหมายสำคัญคือ “ประเทศซาอุดีอาระเบีย” และ “คาซัคสถาน”

ทำไมต้องซาอุฯ? คำตอบหนีไม่พ้นขนาดตลาดที่มีประชากรกว่า 30 ล้านคน ยิ่งกว่านั้นคือ “ความมั่งคั่ง” ด้วยขนาด “เศรษฐกิจใหญ่สุด” ในภูมิภาคตะวันออกกลาง จากกิจการพลังงานปิโตรเลียม ทำให้ประชาชนมี “อำนาจซื้อสูง” ซึ่งข้อมูลจากไอเอ็มเอฟ ระบุรายได้ต่อหัวอยู่ระดับกว่า 27,000 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นกว่า 9.68 แสนบาทต่อคนต่อปี (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 21 พ.ย.65 ที่ 35.86 บาทต่อดอลลาร์) โดยอยู่อันดับ 43 ของโลก

นอกจากนี้ วิสัยทัศน์ปี 2030 หรือภายในปี 2573 การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต จะไม่ได้มาจากพลังงานน้ำมันเท่านั้น แต่จะหาการเติบโตใหม่ๆมากขึ้น รวมถึงมีการพัฒนาเมืองแห่งอนาคตต่างๆ เป็นต้น

‘ซาอุฯ’ โอกาสทอง ทุนไทย   \'อินเด็กซ์\' ยกทัพอีเวนท์ งานแฟร์ เฟสติวัล เจาะตลาด “ตลาดต่างประเทศ อินเด็กซ์ลุยมานานแล้ว แต่การกลับมารอบนี้เรากลับมาบุกหนักเพื่อขยายตลาด หลังจากโควิดส่งผลกระทบให้ชะลอแผนงาน”

โปรเจคในซาอุฯ ที่จะเห็นเบื้องต้นคืองานเทรดแฟร์รูปแบบใหม่ภายใต้ “ไทยแลนด์ เมกะ แฟร์ แอนด์ เฟสติวัล” โดยจะยกทัพภาพใหญ่ทั้งประเทศไปอวดศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย การท่องเที่ยว การลงทุน ตลอดจนนำเสนอวัฒนธรรม Soft Power ด้านต่างๆ เช่น อาหารการกิน กีฬา ฯ โดยจังหวัดไหนต้องการโปรโมทอะไร สามารถมาร่วมกับอินเด็กซ์ ได้

“เดิมกิจกรรมการค้า การต่างประเทศ โปรโมทวัฒนธรรม ชูการท่องเที่ยวฯ หน่วยงานภาครัฐแยกกันทำ แต่อินเด็กซ์จะมัดรวมทุกอย่างที่เกี่ยวกับประเทศไทยมาไว้ในที่เดียว เช่น ซาอุฯกำลังสร้างเมืองใหม่ หากภาคก่อสร้างสนใจ มาร่วมกับเราได้”

เช่นเดียวกับตลาดคาซัคสถาน ที่จะชูงานรูปแบบเดียวกัน เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโต

“การเปิดแนวรบต่างประเทศ ต้องเลือก อย่างซาอุฯ ถือว่าฮอตสุด และเป็นตลาด Very good”

‘ซาอุฯ’ โอกาสทอง ทุนไทย   \'อินเด็กซ์\' ยกทัพอีเวนท์ งานแฟร์ เฟสติวัล เจาะตลาด อินเด็กซ์ มีผลงานอีเวนท์ที่สร้างชื่อประจักษ์ในเวทีโลก โดยเฉพาะ “เวิลด์ เอ็กซ์โป” รับโจทย์จากภาครัฐเพื่อสร้างพาวิลเลี่ยน นำเสนอ โชว์ศักยภาพความเป็นไทยให้โลกเห็นมาหลายครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการจัดอีเวนท์ งานเทรดแฟร์ ในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา กัมพูชา ฯ แต่สัดส่วนรายได้ยังน้อยไม่ถึง 10%

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งสร้างสรรค์งานของตนเอง หรือ Own Project ในต่างแดนรวม 18 งาน ปักหมุด 7 ประเทศ เพื่อสร้างรายได้เติบโตอย่างอย่างยั่งยืน

“ซาอุดีอาระเบีย และคาซัคสถานถือเป็นตลาดใหม่มีโอกาสมาก กลยุทธ์การขยายตลาดต่างประเทศและลุย Own Project จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการสร้างรายได้ต่อเนื่องหรือ recurring income และมีเสถียรภาพในระยะยาว”