วิกฤติต้นทุนแพง ฉุดกำไร 'มาม่า' 9 เดือน ยังไม่ฟื้น!

ผ่านพ้น 9 เดือน บริษัทมหาชนทยอยรายงานผลประกอบการออกมาสู่สาธารณะ ครึ่งปีแรกหลายหวยดธุรกิจยังเผชิญผลกระทบจากมาตรการโควิด กระทั่งการผ่อนคลายต่างๆ เริ่มเกิดขึ้นช่วงโค้งสุดท้ายปี

บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด(มหาชน)หรือ TFMAMA ผู้ผลิต “มาม่า” เป็นอีกหนึ่งในบิ๊กคอร์ป ที่ได้รับผลกระทบ แต่อาจไม่ใช่เพราะหางเลขไวรัสระบาด แต่กลับเป็นการเผชิญ “วิกฤติต้นทุน” การผลิตสินค้าครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี จนต้องผนึกกำลัง “ยักษ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” ทั้งตลาด เพื่ออ้อนรัฐ ขอปรับขึ้นราคาสินค้า ที่สุดได้ขยับเพิ่ม 1 บาท ทำให้บะหมี่ฯหลักจากซอง 6 บาทที่ขายกันมา 15-16 ปี ได้ขึ้นเป็น 7 บาทต่อซองเสียที

ทั้งนี้ ผลงานไตรมาส 3 ของ “มาม่า” สร้างยอดขาย 6,905.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.65% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ 9 เดือน มียอดขายรวม 19,600.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.06% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 1,627.97 ล้านบาท

เหตุผลที่ยอดขายโต เกิดจากการขายบะหมี่ฯในประเทศเพิ่มขึ้น 9.54% และต่างประเทศเติบโตดีถึง 17.03% รวมถึงการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น ส่งออกเองยอดขายยังเพิ่มขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ “เงินบาทอ่อนค่า” และยังมีสินค้าบรรจุภัณฑ์ยอดขายโตถึง 19.53%

ภายใต้สถานการณ์ยอดขายเติบโต ทว่า มองดูบรรทัดสุดท้ายของผลการดำเนินงานหรือ “กำไร” กลับอยู่ในภาวะ “หดตัว” โดยไตรมาส 3 บริษัทมีกำไรสุทธิ 789.75 ล้านบาท ลดลงถึง 19.77% คิดเป็นมูลค่า 194.58 ล้านบาท เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

สาเหตุที่ “กำไรดิ่ง” เพราะ “ต้นทุนวัตถุดิบ” ในการผลิตบะหมี่ฯ ยังอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ต้นทุนการขายก็เพิ่มเช่นกัน โดยไตรมาส 3 อยู่ที่ 4,931.67 ล้านบาท ขยับขึ้น 19.21% หรือคิดเป็นมูลค่า 794.78 ล้านบาท ส่วน 9 เดือน ต้นทุนการขายอยู่ที่ 14,075.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.94% หรือคิดเป็นมูลค่า 2,340.47 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ข้างต้น ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือน บริษัททำกำไรสุทธิ 1,954.73 ล้านบาท โดย “ลดลง” ถึง 27.80% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน