‘เวียดนาม’ เนื้อหอม ทุนไทยยกทัพ ปักหมุดธุรกิจ

อดีตประเทศไทย เป็นหมุดหมายของนักลงทุน ที่ยกทัพมาขยับขยายธุรกิจ สร้างฐานการผลิต ผลักดันการเติบโต 

ปัจจุบัน “เวียดนาม” กลายเป็นขุมทรัพย์แห่งโอกาสของทุนนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี ญี่ปุ่น ไทย จีน เป็นต้น ล่าสุด “​​บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP นำคณะสื่อมวลชนไปเปิดโรงงานผลิตสินค้าของเครือ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ “เบนโตะ-เจเล่-โลตัส” ที่วางแผนทำตลาดเชิงรุก ผลักดันยอดขายในเวียดนามให้เติบโต 2,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า 

เวียดนามมีโอกาสมากแค่ไหนสำหรับสินค้าไทย แล้วอุปสรรคที่ตีคู่กันมามีอะไรบ้าง ฐากร ชัยสถาพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ฉายภาพว่า 15 ปี ที่บริษัทมีการนำสินค้าเข้ามาทำตลาดสร้างการเติบโต จนต้องปักหมุดฐานผลิตสินค้า มองเวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และโอกาสสูงมาก

อย่างแรก “ประชากร” ที่เป็นฐานผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายใหญ่มาก ปีหน้าจะทะลุ 100 ล้านคน จากปัจจุบันมากกว่า 98.95 ล้านคน โดยเป็นประชากรวัยทำงานมากกว่า 50.3 ล้านคน ภาคอุตสาหกรรมมีความแข็งแกร่ง รัฐบาลมีการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี เพื่อดึงดูดนักลงทุน เป็นต้น 

หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย นักท่องเที่ยวเยือนเวียดนามกว่า 1.44 ล้านราย เติบโตถึง 1,272.1% 

มาดูสถานการณ์ตลาดค้าปลีกหมวดสินค้าและบริการ เวียดนามสร้างมูลค่าถึง 3,679.2 ล้านล้านเวียดนามดอง เติบโต 19.3% เฉพาะภาคค้าปลีกมีมูลค่าถึง 2,925 ล้านล้านเวียดนามดอง เติบโต 15% เป็นต้น 

ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ศรีนานาพร ฯ ในห้างค้าปลีกเวียดนาม

กรุงเทพธุรกิจ ได้เกาะติดศรีนานาพรฯ ในการสำรวจห้างค้าปลีก เพื่อดูตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค และย่อยไปยังหมวดสินค้าที่ เบนโตะ เจเล่ บิสกิตขาไก่โลตัส ทำตลาดอยู่ มีความโดดเด่นไม่น้อย แม้ระยะแรกสินค้าจะนำเข้ามาทำตลาด ราคาขายต่อซองระดับ 35 บาท แนวทางการทำตลาดมีความน่าสนใจ เพราะในไทย เบนโตะ อยู่ในหมวดขนมขบเคี้ยว(สแน็ค) ประเภทปลาเส้น ปลาแผ่น แต่ในเวียดนาม จะอยู่ครอบคลุมหลายหมวด แต่จุดขายสำคัญของแบรนด์คือการเป็น “กับแกล้ม” วางใกล้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวเวียดนามอย่างมาก 

นอกจากสินค้าที่ ศรีนานาพรฯ ต้องการนำเสนอ กรุงเทพธุรกิจ สำรวจตลาดเบื้องต้น พบความน่าสนใจของทุนไทย สินค้าไทยเข้ามาทำตลาดกันอย่างคึกคัก เช่น กลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ขอยึดเชลฟ์ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวเวียดนามมีทั้ง “มาม่า-ไวไว” 

ร้านคาเฟ่ อเมซอนใกล้ Ben Thanh Market เวียดนาม

ธุรกิจกาแฟในเวียดนามขึ้นชื่อไม่น้อย และหากมาดูตลาดกาแฟนอกบ้านจะเห็น “คาเฟ่ อเมซอน” ของยักษ์ใหญ่ปตท. เปิดสาขาใกล้ตลาดดังอย่าง Ben Thanh Market ฯ 

กิจการห้างค้าปลีกหลากประเภท เป็นอีกกลุ่มที่คึกคัก ทุนเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไทย มาเลเซีย ฯ ยกทัพมาแข่งขันกัน ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ห้างโก!(GO!) จากกลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้ตระกูล “จิราธิวัฒน์” อิออน จากญี่ปุ่น อีมาร์ท จากเกาหลีใต้ Parkson จากมาเลเซีย เป็นต้น 

อีกหนึ่งการเขยื้อนตัวคือ “มาซาน กรุ๊ป” ที่กลุ่ม “สิงห์” ของตระกูล “ภิรมย์ภักดี” ได้ทุ่มเงินก้อนโตเพื่อเข้าซื้อกิจการสินค้าอุปโภคบริโภคเมื่อหลายปีก่อน ล่าสุด มาซานฯ ได้รุกคืบซื้อกิจการค้าปลีก “วินมาร์ท” ของเวียดนามด้วย 

ขณะที่แบรนด์ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ของยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ที่เคยประกาศวางแผนจะเปิดถึงร้อยสาขา ปัจจุบันมีร้านแล้วราว 20 สาขา เป็นต้น 

หากย้อนทุนไทยที่เข้ามาบุกตลาดเวียดนาม ช่วงบุกเบิก มีทั้งปลากระป๋องสามแม่ครัว ซึ่งทำตลาดมานานมาก เอสซีจี เข้ามาปักหมุดหลายธุรกิจ เช่น ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์ ส่วนกลุ่มที่ขยายธุรกิจเชิงรุก เช่น ทุนของเจ้าสัวเจริญ เพราะไม่เพียงสร้างฐานทัพการผลิตสินค้า การผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมที่ใหญ่ระดับภูมิภาค ยังมีการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าผ่านไทอัน ไทยคอร์ป ภูไท ฯ ครอบคลุมพื้นที่เหนือจรดใต้ 

การเข้าไปซื้อกิจการซาเบโก(SABECO) “เบียร์เบอร์ 1” ของเวียดนาม การขยายธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสุราขาว เพื่อใช้ฐานทัพที่แกร่งของกลุ่มให้เกิดซีนเนอร์ยี สร้างประโยชน์สูงสุด 

ฐานผลิตสินค้าของ "ศรีนานาพรฯ" ที่จังหวัดบินห์เซือง

ย้อนมาดู “ศรีนานาพรฯ” การปักหมุดเวียดนาม ด้วยการตั้งบริษัท S.T. Food Marketing  (STFM) โดยถือหุ้น 100% ผ่าน บจก. SNNP International ซึ่งถือหุ้นโดย บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) 99.9%  พร้อมทุ่ม 20 ล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานผลิตสินค้า ที่ที่จังหวัดบินห์เซือง (Binh Duong) ในนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อทยอยผลิตสินค้าเบนโตะ ขนมขาไก่ ในปีนี้ ส่วนเจเล่จะทยอยติดตั้งเครื่องจักรผลิตสินค้าปีหน้า

ตามแผนจะผลักดันยอดขายแตะ 2,000 ล้านบาท เติบโต 7 เท่าภายใน 5 ปี จากปัจจุบันกว่า 200 ล้านบาท และสานเป้าหมายการปั้นแบรนด์ไทยขยับสู่ “แบรนด์ระดับภูมิภาค” หรือ Regional Brand ต่อไป