ไทยเที่ยวนอก-น้ำท่วมฉุดเดินทางในประเทศ หยุดยาว 13-16 ต.ค. สะพัด 1 หมื่นล้าน

ไทยเที่ยวนอก-น้ำท่วมฉุดเดินทางในประเทศ หยุดยาว 13-16 ต.ค. สะพัด 1 หมื่นล้าน

“ททท.” เผยหยุดยาว 13-16 ต.ค. “ไทยเที่ยวไทย” ชะลอตัว หลัง “ไทยเที่ยวนอก” ฟื้น โดยเฉพาะจุดหมายยอดนิยม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ลาว อีกปัจจัยคือน้ำท่วม ทำให้คนไทยกังวลเฝ้าดูสถานการณ์ คาดช่วงดังกล่าวมีคนไทยออกเที่ยวในประเทศ 2.99 ล้านคน-ครั้ง ทำรายได้ทางการท่องเที่ยว 10,860 ล้านบาท

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ระหว่างวันที่ 13-16 ตุลาคม 2565) คาดว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอยู่ในภาวะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงวันหยุดยาวก่อนหน้าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีอุปสรรคหลัก 2 ปัจจัย ได้แก่

1. ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของคนไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับความนิยมจากคนไทย 3 อันดับแรกของปี 2565 คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ลาว (อ้างอิงข้อมูลจาก Booking.com) ผนวกกับได้รับอานิสงส์การที่เงินบาทแข็งค่ากว่าเมื่อเทียบกับค่าเงินของประเทศปลายทาง (อ้างอิง จากธนาคารแห่งประเทศไทย วันที่ 8 ต.ค. 2565) แม้ว่าสินค้าและบริการในญี่ปุ่นจะปรับราคาขึ้นจากเดิม แต่ นักท่องเที่ยวคนไทยมองว่าเป็นราคาพอใจจ่ายด้วยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่นชอบและเป็นความคุ้มค่าทางจิตใจ

อีกทั้งการเข้ามาทำตลาดท่องเที่ยวขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ และธุรกิจสายการบิน ทั้งสายการบินต้นทุนต่ำ กับสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ ได้เปิดทำการบินพร้อมกับเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นจูงใจให้คนไทยกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง วางแผนการเดินทางเที่ยวต่างประเทศแทนในประเทศ โดยใช้โอกาสในช่วงวันหยุดยาวออกเดินทาง ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวในประเทศช่วงวันหยุดยาวนี้ไม่คึกคัก

2.ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงปัจจุบัน ทำให้ประชาชนมีความกังวลและติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วม ประกอบกับ 34 จังหวัดท่องเที่ยวหลักและรองในภูมิภาคภาคเหนือ ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางประสบภัยน้ำท่วม แม้ว่าจะไม่กระทบแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ แต่คนไทยก็ ตัดสินใจที่จะเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน ส่งผลให้สถานการณ์ท่องเที่ยวในจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมตกอยู่ใน ภาวะชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม ช่วงวันหยุดยาวดังกล่าวยังคงเห็นคนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่บรรยากาศท่องเที่ยวอาจจะไม่คึกคักเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับช่วงวันหยุดยาวของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการเดินทางท่องเที่ยวจากกลุ่มที่มีกำลังซื้อไม่สูง รวมไปถึงกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงบางส่วนที่ยังไม่ออกเที่ยวต่างประเทศในวันหยุดช่วงนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาไปเยี่ยมญาติ (53%) เดินทางท่องเที่ยว (42%) และติดต่อธุรกิจ (5%)

และในส่วนวัตถุประสงค์เพื่อเดินทางท่องเที่ยว พบว่าส่วนหนึ่งได้รับการเกื้อหนุนจากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว “เราเที่ยวด้วยกัน” (อ้างอิงข้อมูลจากโพสสำรวจเที่ยววันหยุดปลายปี 2565 จาก insight) ผนวกกับเป็นช่วงของการปิดภาคการศึกษาและมีวันหยุดติดต่อกัน รวมถึงผลจากการส่งเสริมกิจกรรมของ ททท.ในพื้นที่ก็ช่วยให้เกิดการเดินทางเข้าพื้นที่เช่นกัน

อาทิ กิจกรรม “ดูวาฬไทย..ใกล้กรุง” จ.สมุทรสาคร, เทศกาลดนตรีเหนือสุดหยุดโลก MAE SRI CHIANG RAI จ.เชียงราย, งานประเพณีออกพรรษาและเทศกาลบั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย, กิจกรรม ประเพณีปอยเหลินสิบเอ็ด จ.แม่ฮ่องสอน, งานเทศกาลโคมแสนดวง จ.ลำพูน, การแข่งขัน Kabaddi Beach Thailand Open 2022 จ.กระบี่, การแข่งขันฟุตบอล รีโว่ ไทยลีก จ.ราชบุรี, งานประเพณีแห่พระแข่งเรือขึ้นโขนชิงธง 179 ปี จ.ชุมพร, การแข่งขันเรือยาวประเพณีชิงถ้วยพระราชทานฯ จ.สุพรรณบุรี ราชบุรี, กิจกรรมเทศกาลดูเหยี่ยวอพยพเขาดินสอ จ.ชุมพร และเทศกาลท่องเที่ยวดูเหยี่ยวเขาโพธิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์

จากข้อมูลดังกล่าว คาดว่าในช่วงวันหยุดยาวนี้จะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางภายในประเทศ 2.99 ล้านคน-ครั้ง มีรายได้ทางการท่องเที่ยว 10,860 ล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 47% โดย 3 อันดับแรกของภูมิภาคที่มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนมากที่สุด ได้แก่ ภาคกลาง (รวมภาคตะวันตก) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ซึ่งจะเห็นว่าคนไทยเลือกที่จะเที่ยวภูมิภาคระยะใกล้มากกว่า ส่วนภูมิภาคระยะไกลอย่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาจากการเดินทางกลับภูมิลำเนาและแวะเที่ยวไปในคราวเดียวกัน สอดคล้องกับพฤติกรรมคนไทยที่ปรับเปลี่ยนตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ด้วยการเที่ยวระยะใกล้เที่ยวน้อยวันหรือไปเช้า-เย็นกลับมากขึ้น และลดจำนวนความถี่ในการเดินทางตามกำลังซื้อของตนเอง

สำหรับ 10 อันดับจังหวัดยอดนิยมในช่วงวันหยุดยาวฯ ระหว่างวันที่ 13-16 ตุลาคม 2565 ยังคงเป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลักและเป็นจังหวัดเดิมเหมือนกับช่วงวันหยุดยาวในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี กาญจนบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น ระยอง ภูเก็ต พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ และพังงา

ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวของ ททท. ในพื้นที่อาทิ SINGHA THE MALL IN LINE FREESTYLE CIRCUIT#2 ชิงแชมป์ประเทศไทย จ.นครราชสีมา, กิจกรรม Dinosaur World จ.ชลบุรี, กิจกรรมงานวิ่ง “บางจาก ธัญปุระ เทรล รัน 2022” จ.ภูเก็ต, กิจกรรมเที่ยว Green Season จ.กาญจนบุรีผนวกกับมาตรการกระตุ้น ท่องเที่ยวอย่างเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง เป็นแรงผลักดันให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งชลบุรีระยอง นครราชสีมา ภูเก็ต และพังงา คือ 1 ใน 10 จังหวัดที่คนไทยใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันในช่วงวันหยุดยาวนี

ขณะเดียวกันมีข้อสังเกตว่า กาญจนบุรี แม้จะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนเป็นอันดับ 3 แต่เมื่อพิจารณาแยกออกมาเป็น นักท่องเที่ยวกับนักทัศนาจรพบว่าเป็นการเดินทางท่องเที่ยวจากนักทัศนาจรมากกว่าและมาจากจังหวัดใกล้เคียง รอบๆ ข้าง ทำให้รายได้ทางการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากอัตราการเข้าพักอย่างที่ควรจะเป็น

“สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 13-16 ตุลาคม 2565 แม้จะอยู่ในภาวะชะลอตัวจาก ปัจจัยอุปสรรคจากประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางของคนไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแบบไม่มีเงื่อนไข และสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย”

แต่ยังเห็นคนไทยบางส่วนออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยได้รับแรงผลักดัน จากกิจกรรมส่งเสริมท่องเที่ยวจาก ททท. ในพื้นที่ และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวซึ่งจากการติดตามข้อมูลมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวมาตั้งแต่เฟส 1-4 นั้น งานวิเคราะห์ตลาดในประเทศ มองว่า เราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง นอกจากจะกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและช่วยให้กลุ่มที่มีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงของมาตรการได้รับประโยชน์แล้ว ยังกระตุ้นกลุ่มที่ยังไม่มีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวให้มีการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าว

พร้อมกับช่วยให้กลุ่มนักทัศนาจรที่เดินทางไปเที่ยวยังจังหวัดใกล้เคียงแบบไป เช้า-เย็นกลับได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเช่นกัน ดังนั้นมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนตลาดไทยเที่ยวไทย

“อย่างไรก็ตาม ทิศทางเศรษฐกิจในประเทศและกำลังซื้อของประชาชนเป็นประเด็นที่บั่นทอนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศส่งผลให้จำนวนและรายได้ทางการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่มากนัก” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว