"ท่องเที่ยว" จ่อชง ครม. ตุลาคมนี้ เริ่มเก็บ "ค่าเหยียบแผ่นดิน" ต้นปี 66
“พิพัฒน์” จ่อชง ครม. เดือน ต.ค. เก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” นักท่องเที่ยวต่างชาติ เริ่มต้นปี 66 ด้านผลสำรวจความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวไทย ส.ค.-ธ.ค. แตะระดับ 80% เพิ่มขึ้น 20%
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ความคืบหน้าการดำเนินการจัดเก็บ “ค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ” หรือ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 ที่จะนำเงินค่าธรรมเนียมนี้ ใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งใช้จ่ายในการจัดให้มีการประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศ เบื้องต้นคาดอัตราการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทางบกอยู่ที่ 100-200 บาท ทางอากาศประมาณ 300 บาท
“ผลการศึกษาอัตราการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทางบก คาดเสร็จใน 3-4 วันจากนี้ ซึ่งจะจัดทำข้อมูลเพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดือน ต.ค. เราต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้า หาก ครม.อนุมัติแล้ว จะดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวได้ทันที"
โดยการเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะขณะนี้รัฐบาลไม่ได้ให้เงินอุดหนุนในการดูแลนักท่องเที่ยว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรือการสูญเสียชีวิตที่ต้องมีการเยียวยานักท่องเที่ยว หากไม่มีอะไรผิดพลาด คาดเริ่มจัดเก็บได้ต้นปี 2566
ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับธนาคารกรุงไทย ในการเชื่อมโยงระบบบริการชำระเงินของธนาคารเข้ากับระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติผู้ชำระค่าธรรมเนียมจะได้รับความสะดวก รวดเร็ว และมั่นใจได้ว่าเงินค่าธรรมเนียมจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เพื่อนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ต่อไป
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว จะเก็บในช่องทางการเดินทางทั้งทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ และทางราง ผ่านเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น Kiosk และบัตรโดยสารเครื่องบิน โดยข้อมูลบางส่วนที่ได้จากการจัดเก็บจะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการวางแผน หรือกำหนดนโยบายเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว และการพัฒนาอุตสากรรมท่องเที่ยว
รายงานข่าวจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวไทยต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว เมื่อเดือน ส.ค.-ก.ย. กลุ่มตัวอย่าง 555 คน พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยมีความเชื่อมั่นต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ช่วง ส.ค.-ธ.ค. ในระดับมากที่ 80% เพิ่มขึ้น 20.2% จากก่อนหน้านี้
จังหวัดที่นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางมากที่สุด 3 อันดับแรกช่วง ส.ค.-ธ.ค.นี้ คือ กรุงเทพฯ 11.1% เชียงใหม่ 9.91% และภูเก็ต 6.3% ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม แบ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทป่าไม้ น้ำตก ภูเขา ถ้ำ ล่องแก่ง 38.44% แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและชายหาด 25.53% และสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เช่น สวนสนุก ฯลฯ 14.41%
ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค.นี้ คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 และโรคฝีดาษลิง 15.6% วันหยุดยาวต่อเนื่อง 15.6% ความพร้อมด้านการเงิน 14.4%
ส่วนประเด็นความเหมาะสมของมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค. พบว่า การสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนแก่นักท่องเที่ยว 54.6% ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทย รองลงมาเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมอีเวนท์ด้านท่องเที่ยว 12.4% และเพิ่มวันหยุดต่อเนื่องพิเศษ 11.7%
ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อมาตรฐานด้านสุขอนามัยของบริการด้านการท่องเที่ยว 3 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องบิน 80.7% ร้านอาหาร 78.6% สถานพักแรม 78.1% ส่วน 3 อันดับสุดท้ายคือรถโดยสาร 73.2% เรือโดยสาร 73.2% และสวนสนุก 74.6%
ส่วนกระแสการท่องเที่ยวในปี 2566 จะเป็นการท่องเที่ยวแบบคนในท้องถิ่นมากสุด 60.2% ตามด้วย การทำงานขณะท่องเที่ยว (Workation) 29.4% และท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) 29%