Healthcare Sector - Omicron และการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติจะเป็นปัจจัยสำคัญในปี 2565

Healthcare Sector - Omicron และการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติจะเป็นปัจจัยสำคัญในปี 2565

คาดว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่จะได้แรงส่งด้านบวกจากการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติในปี 2565 เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานใน 4Q64

เราสามารถสรุปได้ว่าผลประกอบการของโรงพยาบาลที่มีขนาดใหญ่กว่า (ในเชิงของผู้ป่วยต่างชาติ) ดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากมีผู้ป่วยต่างชาติบินเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นหลังจากที่ประเทศไทยเริ่มโครงการ “Test & Go” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เราคิดว่าแนวโน้มบวกในด้านนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2565 จากการที่รัฐบาลสนับสนุนให้มีการเดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นโดยการลดเงื่อนไขลง (อย่างเช่น ยกเลิกข้อกำหนดเรื่องการจองโรงแรมในวันที่ 5, วงเงินประกันสุขภาพที่ครอบคลุมขั้นต่ำ 20,000 ดอลลาร์ฯ สหรัฐ, ใช้ชุดตรวจ ATK ด้วยตัวเองที่จัดหาให้โดยโรงแรมในการตรวจครั้งที่สอง) (Figure 8)

Healthcare Sector - Omicron และการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติจะเป็นปัจจัยสำคัญในปี 2565

“UCEP Plus” จะยังคงจ่ายค่ารักษาให้ผู้ป่วย COVID-19

ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมเป็นต้นมา รัฐบาลได้ออกโครงการชำระค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วย COVID-19 แบบใหม่ที่ชื่อ UCEP Plus ซึ่งก่อนหน้านี้ ตลาดกังวลว่า รายได้ของโรงพยาบาลในส่วนที่เกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วย COVID-19 จะลดลง เพราะรัฐบาลจะไม่จ่ายค่ารักษาให้กับผู้ป่วยที่ไม่ค่อยมีอาการ (กลุ่มสีเขียว) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด แต่ปรากฏว่า ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวในโครงการ UCEP Plus มีสามทางเลือกในการรักษาพยาบาล i) กักตัวที่บ้าน หรือที่โรงแรม (ภายใต้โครงการประกันสุขภาพทั่วหน้า) เบิกได้ไม่เกิน 12,000 บาท/แพ็คเกจ ii) hospitel (ภายใต้โครงการประกันสังคม) เบิกได้ 2,000 บาท/วัน และ iii) hospitel ทางเลือก (จ่ายเอง หรือ ประกัน) เบิกได้ 28,000 บาท/แพ็คเกจ ทั้งนี้ ตามเกณฑ์ของ UCEP Plus ผู้ป่วย COVID-19 ที่ไม่ค่อยมีอาการ (กลุ่มสีเขียว) ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ถ้าต้องการรับการรักษาฟรีจากรัฐบาล ซึ่งต่างจากในกรณีของผู้ป่ วยที่มีอาการหนัก (กลุ่มสีเหลือง และ แดง) (Figure 9)

Healthcare Sector - Omicron และการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติจะเป็นปัจจัยสำคัญในปี 2565

 

ผลประกอบการ 1Q65 ของโรงพยาบาลขนาดกลางถึงเล็กจะยังคงน่าพอใจเพราะสายพันธ์ุ Omicron COVID-19 กลับมาระบาดเพิ่มขึ้นอีกครั้งใน 1Q65 หลังจากที่ผ่านช่วงที่หนักที่สุดในแง่ของการติดเชื้อไปแล้วใน 3Q64 ถึงแม้จะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สายพันธุ์ Omicron จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงน้อยกว่า (เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ Delta) แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสายพันธุ์ใหม่นี้ระบาดเร็วกว่า ดังจะเห็นได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron ที่เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 20,000 รายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ (จาก 3,000 รายเมื่อต้นปี 2565) เมื่อเทียบกับ 20,000 รายเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 (จาก 3,000 รายเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2564) ของสายพันธุ์ Delta ดังนั้น เราจึงคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 จะยังคงสูงอยู่ที่ 20,000 รายไปจนถึง 2Q65 ซึ่งจะเท่ากับยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเฉลี่ยที่วันละ 8,000 ราย (+300% จากประมาณการในปัจจุบัน)

 

คาดว่าสถานการณ์โรคระบาดจะลดความรุนแรงลงใน 2H65

ถึงแม้ว่า COVID-19 จะยังคงระบาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แต่เรายังคงคาดว่า ผลกระทบจากโรคระบาดจะลดลง YoY เพราะโรงพยาบาลสามารถใช้ capacity ของการรักษาพยาบาลผู้ป่ วยกลุ่มอื่นที่ไม่ได้ติด COVID และมี intensity สูงหลังจากที่มีการเลื่อนการเข้ารับการรักษาก่อนหน้านี้

 

Valuation & Action

เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ Neutral โดยเราเลือก BCH เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 28.00 บาท เนื่องจาก i) คาดว่ากำไรจากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับ COVID จะโตในปี 2565 และ ii) ธุรกิจแข็งแกร่งทั้งในส่วนของผู้ป่วยไทยและต่างชาติ

 

Risks

COVID-19 ระบาด, เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้