Sideway Up - หุ้นรายงานพิเศษ TACC (25 มี.ค. 65)

Sideway Up - หุ้นรายงานพิเศษ TACC (25 มี.ค. 65)

วันพฤหัสที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่ม ICT และพลังงาน ที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ นักลงทุนจับตาผู้นำโลกถกคว่ำบาตรรัสเซีย

ส่วนปัจจัยในประเทศมีการรายงานตัวเลขการส่งออกก.พ.65ขยายตัว 16.2% จากตลาดคาด 10-11% ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,680.89 จุด +2.94 จุด +0.18% มูลค่าการซื้อขาย 66,566 ลบ. ต่างชาติ +2,833.27 ลบ. TFEX +19,148 สัญญา ตราสารหนี้ -2,506.53 ลบ.
 

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 349.44 จุด+1.02% หลังจากราคาน้ำมันดิบชะลอตัวช่วยให้นักลงทุนคลายกังวลภาวะเงินเฟ้อ และได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี
+ PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมี.ค.ของสหรัฐอยู่ที่ 58.5 เป็นระดับสูงสุดรอบ 6 เดือน ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค.อยู่ที่ 58.9 สูงสุดรอบ 8 เดือน
+ สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง 0.9% สู่ระดับ 2.179 แสนล้านดอลลาร์ใน 4Q64 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.180 แสนล้านดอลลาร์
+ จีนเริ่มส่งสัญญาณถอยจากรัสเซีย หลังถูกนานาชาติกดดัน ทูตจีนประจำสหรัฐยืนยันจีนก็จะยึดมั่นตามบรรทัดฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีการยอมรับทั่วโลก
+ ก.พาณิชย์เปิดเลขตัวเลขการส่งออกเดือน ก.พ.65 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี +16.2% 2M65 ส่งออก +12.2%
+ สสว. เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่เหนือระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ทั้งในส่วนค่าดัชนีปัจจุบันและคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าสะท้อนว่าผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 26,050 ราย มีผู้เสียชีวิต 69 ราย รักษาหาย 22,219ราย

 

ปัจจัยลบ

 

 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.59 ดอลลาร์ +2.3% ปิดที่ 112.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่า EU ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย และการส่งออกน้ำมันโดยคาซัคสถาน อาจจะเริ่มกลับมาดำเนินการได้บางส่วนในไม่ช้านี้
- NATO จะเพิ่มกำลังทหารอีก 4 กลุ่มในยุโรปตะวันออก ซึ่งรวมถึงบัลแกเรีย ฮังการี โรมาเนีย และสโลวาเกีย เพื่อรับมือภัยคุกคามจากรัสเซีย
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.3% ที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมวันที่ 3-4 พ.ค. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 32.9% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
- S&P ชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนกำลังถูกกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและปัญหาห่วงโซ่อุปทานรอบใหม่ หลังจากรัสเซียบุกโจมตียูเครนทำให้ต้นทุนพลังงานพุ่งขึ้น และส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ จากราคาน้ำมันดิบชะลอตัวลง ขณะที่สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อยังกดดันตลาด ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,670-1,690 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้น Value Play : KBANK BBL SCB EA GULF ADVANC TRUE DTAC
• กรณีสงครามยืดเยื้อ ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง บวกต่อ PTTEP PTTGC TOP , สินค้าเกษตร ข้าวสาลี และกากถั่วเหลืองขึ้น เป็นบวกต่อ TMILL TVO และเป็นลบต่อธุรกิจอาหารสัตว์ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น CPF GFPT ASIAN
• ศบค. ชุดใหญ่ ผ่อนคลายมาตรการ Test&Go : AOT ERW CENTEL MINT AWC
• กพพ.ขึ้นค่า FT : GPSC BGRIM EGCO

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                       TACC "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 8.75 บาท

•(+) เราประมาณการรายได้ปี 65 ราว 1,542 ลบ. +15%YoY ถูกด้วยปัจจัยหนุน 4 ประการ คือ 1.ฟื้นตัวตามกลุ่มร้านสะดวกซื้อ (ร้าน 7-Eleven และ Lotus’s go fresh) ที่ 2.การขยาย 7-Eleven สาขาใหม่ 700 สาขา 3.ธุรกิจ Character Business ลูกค้าเริ่มทยอยกลับมา หลังจากถูกเลื่อนเนื่องจากการล็อคดาวน์ในปีก่อน และ 4.ขยายการเข้าไปจำหน่ายเครื่องดื่มใน Food court ของ Lotus’s Hypermarket โดยปัจจุบันเข้าไปให้บริการเพียง 75 สาขา จากทั้งหมด 240 สาขา

•(+/-) มีความไม่แน่นอนทางบวกและลบรออยู่ ต้นทุนผลิต อาทิ น้ำตาล ครีมเทียม และค่าขนส่ง ที่เร่งขึ้นตามเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยกดดัน %GPM ในปีนี้ อย่างไรก็ดี ช่วง 1H65 จะยังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีการทำ Forward ไว้แล้ว เบื้องต้นเราประมาณการ %GPM ปีนี้ที่ 36.5% ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 38% ส่งผลให้เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ ราว 234 ลบ. +9%YoY อย่างไรก็ดี คาดผลประกอบการยังมีอัพไซต์จากผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนาสินค้า โดยคาดจะเริ่มวางขายในช่วงกลาง-ปลายปีนี้

 

หุ้นมีข่าว

(+) SUSCO (Bloomberg Consensus 3.90 บาท) เข้าซื้อแลนด์ใน Jakaverse ขยายโอกาสลุยดิจิทัล มองเป็นเทรนด์อนาคต พร้อมติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV) คาดภายใน 2 ปีติดตั้งได้กว่า 50 แห่งจากปัจจุบัน 20 แห่ง เผยปริมาณเติมน้ำมันไตรมาส 1/2565 ฟื้นตัว ส่วนทั้งปีคาดปริมาณเติมน้ำมันโต 40% เดินหน้ารุก Non-Oil เต็มสูบ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SISB (Bloomberg Consensus 11.50 บาท) เดินแผนสร้างโรงเรียนใหม่เพิ่ม 2 แห่ง จากปัจจุบัน 4 แห่ง "รร.นานาชาติ นนทบุรี" คาดเปิดให้บริการปี 2566 "รร.นานาชาติ ระยอง" เจาะตลาดต่างจังหวัด คาดเปิดให้บริการปี 2567 หลังเปิดให้บริการครบทั้งหมด คาดจำนวนนักเรียนจะเพิ่มเป็น 3,550 คน จากปี 2565 คาดอยู่ที่ 2,750 คน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ZEN (Bloomberg Consensus 14.20 บาท) ปี 2565 ผลงานพลิกบวก พร้อมวางเป้ายอดขายโต 30% แตะ 3 พันล้านบาท หลังเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัว คาด SSSG เป็นบวกไม่น้อยกว่า 20% วางงบลงทุน 250 ล้านบาท รองรับการขยายกำลังผลิตโรงงานซอส ZKC และปรับปรุงร้านเดิม แย้มยอดขายไตรมาส 1/2565 โต 10-15% หลังห้างเปิดให้บริการได้ปกติ-รัฐไม่ล็อกดาวน์ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EA (Bloomberg Consensus 92.00 บาท) ส่ง บริษัทย่อย "ไมน์ โมบิลิตี รีเสิร์ช" ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จำกัด ในโครงการเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าคลองแสนแสบ ฟาก "สมโภชน์ อาหุนัย" เผยความร่วมมือเพื่อศึกษาและพัฒนาออกแบบเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ให้มีประสิทธิภาพสามารถใช้งานได้จริง หวังนำมาใช้เป็นต้นแบบในอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)