คมนาคมเปิดแอคชันแพลน สู้คดี "โฮปเวลล์"

คมนาคมเปิดแอคชันแพลน สู้คดี "โฮปเวลล์"

“คมนาคม” ดันแอคชันแพลนสู่คดีโฮปเวลล์ เดินหน้าประสาน อสส.ตั้งพนักงานอัยการสู้คดีแทน ดึง “พีระพันธุ์” เป็นผู้ประสานงานคดี ลุยสู้คดี ปมอายุความ-สิทธิการฟ้อง ล่าสุดศาลปกครองกลาง สั่งเบรกจ่ายค่าโง่ 2.5 หมื่นล้านบาท

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการต่อสู้คดีโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร (คดีโฮปเวลล์) โดยระบุว่า ภายหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งที่ 81-83/2565 ฉบับลงวันที่ 24 ก.พ.2565 กลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ของกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.ไว้พิจารณา 

ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อขอความอนุเคราะห์แต่งตั้งพนักงานอัยการพิจารณาดำเนินการในคดีแทนกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท. โดยมีผู้แทนกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท. รวมถึงมีมติให้ นายพีระพันธุ์ สารีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานงานคดีนี้

อีกทั้ง เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม ร.ฟ.ท.ได้หารือร่วมกับนายพีระพันธุ์ ผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะทำงานซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ประชุมคณะทำงานศึกษาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาและความเสียหายของรัฐที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคตใน
โครงการโฮปเวลล์

โดยในการประชุมมีการหารือถึง Action Plan ที่กระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.ต้องดำเนินการภายในกรอบระยะเวลาของกฎหมายที่กำหนดไว้ในการฟ้องคดีต่อศาล ซึ่งความสำเร็จของการยื่นขอพิจารณาคดีใหม่ในครั้งนี้มีนายพีระพันธุ์ เป็นหัวหน้าทีมในการสืบค้นพยานหลักฐานต่างๆ และข้อพิรุธ รวมถึงได้รับการสนับสนุนที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของภาครัฐจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.

คมนาคมเปิดแอคชันแพลน สู้คดี \"โฮปเวลล์\"

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การหารือเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา มีการหารือแนวทางการสู้คดี โดยขั้นตอนจากนี้เหมือนเป็นการเริ่มต้นคดีใหม่ในชั้นศาลปกครองกลาง โดยกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.มีการร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งศาลจะมีการไต่สวนทั้ง 2 ฝ่าย และโฮปเวลล์อาจต้องให้การใหม่ โดยหากมีการต่อสู้คดีจนถึงศาลปกครองสูงสุดอีกครั้งก็อาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี

นอกจากนี้ มีการหารือในหลายประเด็นที่จะใช้ต่อสู้คดีรอบนี้ โดยเฉพาะในประเด็นการขาดอายุความที่ศาลปกครองสูงสุดให้น้ำหนักในการพิจารณาครั้งล่าสุด ซึ่งที่ผ่านมามีการพิจารณาสัญญาระหว่างรัฐและโฮปเวลล์เป็นสัญญาทางแพ่งจึงไม่ได้มองประเด็นอายุความ แต่ต่อมาพิจารณาว่าเป็นสัญญาทางปกครองที่ถือว่าขาดอายุความก่อนที่จะเข้าสู่การพิจารณาในชั้นอนุญาโตตุลาการ

รวมทั้งมีการหารือถึงประเด็นสิทธิการฟ้องคดีของบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งต้องมีการพิจารณาว่าคู่สัญญาของกระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.คือ บริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือไม่ เพราะผู้ที่ลงนามสัญญาด้วย คือ บริษัท โฮปเวลล์โฮลดิ้ง จำกัด (ฮ่องกง) โดยบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ยื่นอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 24 พ.ย.2547 เพื่อเรียกค่าเสียหาย 59,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ล่าสุดศาลปกครองกลางได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงคมนาคมถึงคำสั่งงดการบังคับคดีกับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยระบุว่าคดีนี้ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้รับคำขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ของผู้ร้องทั้งสอง คือ กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ไว้พิจารณาและศาลมีคำสั่งรับคำขอพิจารณาพิพากษาคดีใหม่แล้ว

กรณีนี้จึงเข้าเงื่อนไขในการงดการบังคับตามข้อ 131 วรรคหนึ่ง (1) แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณษคดีปกครอง พ.ศ.2543 จึงมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดคดีหมายเลขดำที่ อ.410-412/2557 คดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223/2562 ไว้ในระหว่างพิจารณาคดีใหม่

ส่งผลให้คำสั่งที่ก่อนหน้านี้ศาลปกครองสูงสุดพิพากษา กระทรวงคมนาคม และ ร.ฟ.ท.ต้องจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี รวม 25,711 ล้านบาท ภายใน 180 วัน ซึ่งเมื่อศาลปกครองมีคำสั่งงดบังคับคดี จะส่งผลให้คำสั่งชดใช้ค่าเสียหายข้างต้น รวมดอกเบี้ยจะถูกชะลอออกไปก่อน