EGCO แนวโน้มยังคงไม่น่าตื่นเต้น (4 มี.ค. 65)

EGCO แนวโน้มยังคงไม่น่าตื่นเต้น (4 มี.ค. 65)

EGCO จัดสรรงบลงทุน 5 ปี ไว้ 1.50 แสนล้านบาท สำหรับปี 2564-68 (ปีละประมาณ 3 หมื่นล้านบาท) โดยการลงทุนส่วนใหญ่จะเน้นที่ธุรกิจโรงไฟฟ้า (ประมาณ 80-90%) ส่วนที่เหลืออีก 10-20% จะใช้ลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน และ smart energy solutions

สำหรับในปี 2565 ผู้บริหารตั้งเป้าจะเข้าซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 1,000Mwe ซึ่งเราคาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่เปิดดำเนินการอยู่แล้วใน ASEAN หรือสหรัฐ โดยผู้บริหารเชื่อว่า EGCO กำลังเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่สิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นช้ากว่าที่นักลงทุนคาดเอาไว้ สำหรับประเด็นด้าน ESG บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายที่จะลด carbon intensity ลงให้ได้ 10% ภายในปี 2573 และตั้งเป้าจะลดให้ได้ถึง 100% ภายในปี 2593 ทั้งนี้ จากสัดส่วน D/E ที่แข็งแกร่งที่ 1.12x (ต่ำกว่า covenant ที่ 3x และต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ 1.5x) ทำให้ EGCO มีความสามารถที่จะลงทุนเพิ่มได้อย่างสบาย ๆ อย่างไรก็ตาม EGCO ยังคงจ่ายเงินปันผลสำหรับงวด 2564 ที่ 6.50 บาท/หุ้น เท่ากับใน 2562-63 ซึ่งทำให้นักลงทุนผิดหวังพอสมควร

 

กำลังขยายไปสู่โครงการ green hydrogen hub และ fuel cell power plant

EGCO มีแผนจะใช้ประโยชน์จาก Apex (ถือหุ้นอยู่ 17.5%) ซึ่งกำลังศึกษาโครงการ green hydrogen hub
ในประเทศสหรัฐ และร่วมมือกับ Bloomenergy พัฒนาโรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (hydrogen fuel cell power plant) โดยมีเป้าหมายที่จะแสวงหาและสร้าง hydrogen รวมถึงเชื้อพลิงสะอาดอื่น ๆ สำหรับนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าแบบหมุนเวียน ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดว่าเชื้อเพลิงประเภทนี้จะมีบทบาทสำคัญในโลกของพลังงานที่ยั่งยืนในอนาคต อย่างไรก็ตาม ต้นทุนในการพัฒนาโครงการ hydrogen fuel cell power plant ยังสูงกว่าโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (combined cycle) ดังนั้น จึงยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลาของการดำเนินโครงการที่ชัดเจนในขณะนี้

 

 

 

แนวโน้มใน 1Q65 และปี FY65

เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q65 จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก QoQ เนื่องจากไม่มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์เหมือนใน 4Q64 และจะมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะดีดตัวขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่คาดว่ากำไรใน FY65 จะเพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้เต็มปีจากการเข้าซื้อกิจการอื่น (Apex และ Lindenn) ในปี 2564F และโครงการใหม่ที่รออยู่ใน pipeline (ประมาณ 240MWe)

 

สรุปผลประกอบการ 4Q64 และ FY64
 

กำไรสุทธิใน 4Q64 อยู่ที่ 935 ล้านบาท (-13% QoQ, -48% YoY) ต่ำกว่าประมาณการของตลาดเนื่องจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์สูงเกินคาด (โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่มี adder และ QPL)แม้ว่าจะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนก็ตาม ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q64 อยู่ที่ 2.16 พันล้านบาท (-33% QoQ, +97% YoY) เนื่องจากผลการดำเนินงานของ XPCL, NTPC, BLCP, SBPL, SPPs และ โรงไฟฟ้า IPP ในต่างประเทศลดลงตามฤดูกาล ส่วนกำไรสุทธิ และกำไรจากธุรกิจหลักในปี 2564 อยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท (-53% YoY) และ 1.02 หมื่นล้านบาท (+17% YoY) ตามลำดับ

 

 

Valuation & action

เรากำลังอยู่ระหว่างทบทวนราคาเป้าหมาย DCF ของเราใหม่ ทั้งนี้ นักลงทุนอาจจะเป็นกังวลกับอัตราการเติบโตที่เชื่องช้าของบริษัท, ความเสี่ยงเรื่องการด้อยค่าของสินทรัพย์ และประเด็น ESG เราเชื่อว่ากลยุทธ์ และการดำเนินการของบริษัทค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่ม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากธุรกิจอยู่ในช่วงอิ่มตัวของวัฏจักรการเติบโตแล้ว บริษัทจึงอาจจะเข้าไปลงทุนในโครงการใหม่ๆ เพื่อชดเชยโครงการที่กำลังจะหมดอายุลงไป

 

Risks

มีการปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns จากความล่าช้าของงานก่อสร้างโครงการใหม่, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย