‘เงินบาท’ วันนี้เปิด ’แข็งค่า’ ที่ 32.48 บาทต่อดอลลาร์

‘เงินบาท’ วันนี้เปิด ’แข็งค่า’ ที่ 32.48 บาทต่อดอลลาร์

“กรุงไทย” ชี้แนวโน้มเงินบาทผันผวนกรอบกว้าง อาจเกิดจากสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน/นาโต รวมถึงการระบาดของโอมิครอนในประเทศไทยที่ยังน่ากังวลจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ มองกรอบเงินบาทวันนี้ที่ระดับ 32.35 - 32.65 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงิน ตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(25 ก.พ.65)ที่ระดับ  32.48 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  32.60 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35 - 32.65 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทมีแนวโน้มผันผวนในกรอบที่กว้าง โดยมีแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน/นาโต รวมถึง สถานการณ์การระบาดของโอมิครอนในประเทศไทย ที่ยังน่ากังวลอยู่ขณะเดียวโฟลว์ธุรกรรมทองคำก็อาจกลับข้างมาเป็นฝั่งซื้อทองคำตอนย่อตัว ซึ่งอาจร่วมกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้

อย่างไรก็ดี ต้องจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติว่าจะกลับมาเป็นฝั่งซื้อสุทธิได้หรือไม่ หลังจากที่นักลงทุนในฝั่งสหรัฐ ทยอยกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นต่างชาติบางส่วนก็รอจังหวะเข้ามาเก็งกำไรเงินบาทมากขึ้น หากเงินบาทอ่อนค่าลงใกล้แนวต้านสำคัญ โดยในระยะสั้นนี้ แนวต้านสำคัญของเงินบาทจะขยับขึ้นมาอยู่ใกล้โซน 32.80 - 32.90 บาทต่อดอลลาร์ หลังจากที่เงินบาทอ่อนค่าทะลุแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ในวันก่อนหน้า 

ผู้เล่นในตลาดต่างเทขายสินทรัพย์อย่างหนัก ส่งผลให้โดยรวมตลาดการเงินยังคงผันผวนและอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง หลังจากที่รัสเซียเปิดฉากบุกโจมตีพร้อมกันในหลายจุด ส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตพลเรือนยูเครนหลายร้อยราย และมีแนวโน้มที่จะเกิดความสูญเสียเพิ่มเติม หากรัสเซียบุกต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ามีเป้าหมายอยู่ที่การยึดเมืองหลวงและเมืองขนาดใหญ่ทางฝั่งตะวันออก ทั้งนี้ การประกาศทำสงครามดังกล่าวของรัสเซีย ได้ส่งผลให้บรรดาประเทศฝั่งตะวันตก ยกระดับมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย อาทิ สหรัฐ ได้ประกาศคว่ำบาตรการทำธุรกรรมกับธนาคารขนาดใหญ่ อาทิ Sberbank, VTB พร้อมกับประกาศคว่ำบาตรรัฐวิสาหกิจรัสเซีย อาทิ Gazprom จากการระดมทุนในตลาดสหรัฐ อย่างไรก็ดี บรรดาชาติตะวันตกยังไม่ได้มีแผนที่จะตัดรัสเซียออกจากระบบโอนเงินระหว่างประเทศ SWIFT ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินทั่วโลกได้

ภาวะปิดรับความเสี่ยงของนักลงทุนได้กดดันให้ในช่วงแรกของตลาด ดัชนีหุ้นสหรัฐ ต่างปรับตัวลงหนักไม่น้อยกว่า-2% ก่อนที่ผู้เล่นบางส่วนจะเข้ามาซื้อหุ้นที่ราคาปรับฐานลงหนัก (Buy on Dip) เนื่องจากผู้เล่นในตลาดมองว่า แม้สงครามจะยืดเยื้อ แต่สหรัฐ อาจได้รับผลกระทบจากสงครามไม่มากนัก ทำให้ผู้เล่นบางส่วนยังเห็นโอกาสการกลับเข้าไปลงทุนในหุ้นเติบโต คุณภาพดี (Quality Growth) โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ ทำให้สุดท้าย ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ สามารถรีบาวด์และปิดตลาดในแดนบวกได้ นำโดยดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq +3.34% ส่วนดัชนี S&P500 ก็ปรับตัวขึ้นราว +1.50% 

ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป เผชิญแรงเทขายที่หนักหน่วง กดดันให้ดัชนีดิ่งลงถึง -3.6% โดยแรงเทขายหุ้นกระจุกตัวในกลุ่มการเงิน อาทิ ING -9.0%, Intesa Sanpaolo -8.0%, Santander -7.7% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดกังวลว่ามาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรป และแนวโน้มผลกำไรของธุรกิจของกลุ่มการเงินในยุโรปได้ ซึ่งคาดว่าต้องจับตาท่าทีของบรรดาชาติตะวันตกถึงแนวโน้มการตัดรัสเซียออกจากระบบ SWIFT ที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจการเงินทั่วโลกได้ ทั้งนี้ เรามองว่า สงครามรัสเซีย - ยูเครนจะยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนต่อไปในระยะสั้น และนักลงทุนอาจชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปไปก่อน เพื่อประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปจากมาตรการคว่ำบาตร ณ ปัจจุบัน รวมถึงแนวโน้มการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเพิ่มเติมโดยเฉพาะการระงับการนำเข้าสินค้าพลังงานจากรัสเซียทุกช่องทาง 

ส่วนทางด้านฝั่งตลาดบอนด์ ตลาดการเงินที่ผันผวนหนักได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ แกว่งตัวในกรอบกว้างโดยมีจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐ ปรับตัวลงแตะระดับ 1.85% จากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย ก่อนที่บอนด์ยีลด์จะปรับตัวสูงขึ้น เมื่อตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐ ทยอยเปิดรับความเสี่ยง ทำให้สุดท้าย บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1.97% ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการปรับนโยบายการเงิน ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงอย่าง สงครามรัสเซีย - ยูเครน โดยเฉพาะ ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในช่วงต้นสัปดาห์หน้า

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก จากแรงซื้อดอลลาร์เพื่อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดกังวลภัยสงคราม แม้ว่าเงินดอลลาร์จะย่อตัวลงบ้างในช่วงท้ายตลาด หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐ เริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยง ทำให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 97.05 จุดขณะที่สกุลเงินหลักฝั่งยุโรป ทั้งเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์ (GBP) ต่างก็อ่อนค่าลงต่อเนื่องสู่ระดับ 1.13 ดอลลาร์ต่อยูโร และ 1.354 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ตามลำดับ ทั้งนี้ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 1,975 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากความกังวลสงคราม ก่อนที่จะเผชิญแรงขายทำกำไรกดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลงสู่ระดับล่าสุด แถว 1,912 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า ความเสี่ยงสงครามที่ยังคงมีอยู่ อาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนอาจเข้ามาซื้อทองคำตอนย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้

สำหรับวันนี้ ตลาดจะจับตาความรุนแรงของสงครามรัสเซีย - ยูเครนและท่าทีของฝั่งตะวันตกต่อการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม ซึ่งเราคาดว่า ความเสี่ยงสงครามจะกดดันให้ตลาดการเงินอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว และผันผวนหนักในระยะสั้นได้

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์