พาณิชย์คาด ส่งออกต่อเนื่อง ดัน ตั้งธุรกิจใหม่ในอีอีซีปี 65 กว่า 6,500 ราย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชี้ ส่งออกโตต่อเนื่อง ค่าเงินบาทอ่อน โอมิครอนไม่แรง ส่งผลดีต่อการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในอีอีซีปี 65 เผย ยอดปี 64 จัดตั้งธุรกิจใหม่ในอีอีซี 6,698 ราย โต 9.73% ครองแชมป์ จัดตั้งธุรกิจใหม่มากสุด ขณะที่ญี่ปุ่นเป็นต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในอีอีซีมากที่สุด
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมได้คาดการณ์ การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ใน 3 จังหวัด คือ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ปี 2565 อยู่ที่ 6,500 – 6,800 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับยอดธุรกิจจัดตั้งใหม่ในอีอีซีปี 2564 โดยปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการลงทุนในพื้นที่อีอีซีได้แก่ ภาคการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก ซึ่งในปี 2564 การส่งออกมีมูลค่า 8,542,102.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.91% จากปี 2563 ประกอบกับ สถานการณ์ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง เนื่องจากมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้น การลดการอัดฉีดสภาพคล่องในเศรษฐกิจ (QE) จะสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งการขับเคลื่อนแผนการลงทุนระยะที่ 2ของเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เช่น รถไฟความเร็วสูง และท่าเรือมาบตาพุดและแหลมฉบัง ระยะที่ 3
ขณะเดียวกันยังต้องติดตามประเด็น การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในประเทศ ที่ยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการทั้งในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศในพื้นที่เป็นอย่างสูง โดยมีการคาดการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างชัดเจนภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 มีการคาดการณ์ว่าจะสามารถกลายเป็นโรคประจำถิ่นได้ภายในปีนี้
สำหรับการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจอีอีซี ใน 3 จังหวัด คือ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ในปี 2564 มียอดการจัดตั้งธุรกิจใหม่ รวม 6,698 ราย ทุนจดทะเบียน 19,153.08 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.-ธ.ค. 2563 จำนวน 6,104 ราย เติบโตเพิ่มขึ้นคิดเป็น 9.73% และมูลค่าทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 17,533.54 ล้านบาท คิดเป็น 9.24% โดยจังหวัดชลบุรีมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่มากที่สุดจำนวนจำนวน 4,659 ราย คิดเป็น 69.55%
ธุรกิจตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 891 ราย เพิ่ม 13.30 % ทุนจดทะเบียน 3,461 ล้านบาท เพิ่ม 18.07 % ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 609 ราย เพิ่ม 9.09 % ทุนจดทะเบียน 1,376 ล้านบาท เพิ่ม 7.19 % ธุรกิจขนส่ง ขนถ่ายสินค้า รวมถึงผู้โดยสาร 279 ราย เพิ่ม 4.17 % ทุนจดทะเบียน 378 ล้านบาท เพิ่ม 1.97 %
ปัจจุบันพื้นที่ 3 จังหวัดในอีอีซี มีนิติบุคคลคงอยู่ณ 31 ธ.ค. 2564 จำนวน 76,142 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 1.51 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น จ.ชลบุรี 55,140 ราย คิดเป็น 72.42% จ.ระยอง 14,653 ราย คิดเป็น 19.24% และ จ.ฉะเชิงเทรา 6,349 ราย คิดเป็น 8.34% ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการ คิดเป็น 60.38% รองลงมาคือการขายส่งขายปลีก คิดเป็น 24.63% และการผลิตคิดเป็น 14.99%
ทั้งนี้มีการลงทุนของคนต่างชาติในนิติบุคคลไทย มีมูลค่า 825,358 ล้านบาท คิดเป็น 54.32% ของทุนทั้งหมด โดยสัญชาติญี่ปุ่นมีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 46.60% มีมูลค่าทุน 384 ,642 ล้านบาท รองลงมาคือ จีน มีสัดส่วนคิดเป็น 12.75% มีมูลค่าทุน 105,195 ล้านบาท และสิงคโปร์ สัดส่วนคิดเป็น 5.59% มูลค่าทุน 46,104 โดยมีการลงทุน ในจังหวัดระยองสูงสุดคิดเป็น 51.97% มูลค่า 428,935 ล้านบาท รองลงมาคือชลบุรี 38.05 %มูลค่า 314,042 ล้านบาท และฉะเชิงเทรา 9.98 % มูลค่า 82,379 ล้านบาท
โดยนักลงทุนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่นๆสำหรับยานยนต์ มูลค่าการลงทุน 80,098 ล้านบาท ธุรกิจผลิตอะลูมิเนียมและผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียมมูลค่าการลงทุน 38,722 ล้านบาท และธุรกิจผลิตยางล้อและยางในมูลค่าการลงทุน 31,797 ล้านบาท