ยังคงคาดหวังจิตวิทยาการลงทุนที่น่าจะทยอยดีขึ้น

ยังคงคาดหวังจิตวิทยาการลงทุนที่น่าจะทยอยดีขึ้น

คาดผลประกอบการจะเป็นปัจจัยช่วยต่อบรรยากาศลงทุนโดย แม้รายงาน GDP ไตรมาส 4/64 ขยายตัว +6.9% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ +5.5% จากการฟื้นตัวหลังการระบาดในช่วงไตรมาส 3/64 และการสต็อคสินค้าคงคลัง

อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจะสร้างความกังวลเกี่ยวกับการเร่งดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐ ในระยะสั้นจะยังมีแนวโน้มผันผวน อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง คือการหมุนกลุ่มบริหารความเสี่ยงมายังหุ้นที่ผลประกอบการยังมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ยังคงระวังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจาก Valuation ที่สูง และปัญหาขาดแคลนชิปอาจส่งผลต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ หลัง Intel (INTC) และ Lam Research (LRCX) รายงานผลประกอบการดี แต่ให้คาดการณ์ทิศทางกำไรใรช่วงไตรมาส 1/65 ที่อาจชะลอตัวลง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อจิตวิทการลงทุนของหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ 

ประเมินจิตวิทยาการลงทุนมีโอกาสทยอยปรับดีขึ้น แต่ควรจับตาการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ แม้การแถลงข่าวของประธานเฟดวันก่อนจะไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่ แต่เรามองมีส่วนช่วยให้ตลาดประเมินความเสี่ยงของการดำเนินนโยบายได้มากขึ้น ทำให้ความผันผวนจากนี้น่าจะเริ่มมีระดับที่ลดลง ขณะที่การรายงานผลประกอบการส่วนใหญ่ มีแนวโน้มดีขึ้นจากไตรมาส 3/64 และหุ้นใหญ่ในกลุ่มธนาคารมีทิศทางกำไรไตรมาส 1/65 ที่ดี จะเป็นปัจจัยช่วยให้จิตวิทยาการลงทุนทยอยปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินเหรียญสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม เนื่องจากส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนและบรรยากาศลงทุนของตลาดเกิดใหม่ได้


 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง การเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ บวกต่อ CK, STEC, ITD, UNIQ 2) กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ตลาดเก็งกำไรการเข้าสู่ธุรกิจใหม่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิตอล และผลประกอบการปี 2564 ที่น่าจะเห็นการจ่ายปันผลในระดับที่ดี อย่างไรก็ตามยังมีความไม่ชัดเจนของภาพรายได้ปี 2565 อีกมาก การเก็งกำไรจึงควรกำหนจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง KGI, ASP, CGH, FSS 3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW 4) กลุ่มบันเทิง ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากงบโฆษณาที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ บวกต่อ ONEE, BEC, WORK, MONO 5) หุ้นเก็งกำไรทางเทคนิค อาทิ SFT, WFX, CV, UBE, VPO, CPI, TOP, GJS, RAM, IND

ภาพรวมกลยุทธ์: คาดความผันผวนจะทยอยลดลง และจิตวิทยาของตลาดมีโอกาสทยอยปรับดีขึ้นจากแนวโน้มการรายงานผลประกอบการ ภาพรวมเรายังมองเป็นการเกิด rotation จากการขายลดกลุ่มผู้ชนะจากโควิด (อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์) และหมุนไปยังกลุ่มที่ปลอดภัยหรือ Valuation ต่ำ รวมทั้งที่ได้ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้นขาขึ้น //หุ้นแนะนำ: PTTEP*, KBANK*, TU, IVL*

แนวรับ: 1,620-1,630 / แนวต้าน : 1,637-1,650 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

AP – ตั้งเป้ายอดขายปี 65 ที่ 5 หมื่นลบ. และรายได้ที่ 4.7 หมื่นล้าน พร้อมแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 65 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7.8 หมื่นลบ. มากสุดเป็นประวัติการณ์ 

WICE – เปิดแผนธุรกิจปี 65 ทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่สาม ตั้งเป้ารายได้ 9 พันลบ. โต 20% ขยายปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น เริ่มให้บริการขนส่งทางรถไฟ (Road-Rail Service) ลาว-จีน พร้อมขยายคลังสินค้าอีก 1 แสนตารางเมตร

US GDP 4Q21 โตสูงกว่าคาด – ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ขานรับ GDP ไตรมาส 4/64 ที่แข็งแกร่ง ชี้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังบรรลุผล โดยเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5.5%

ตั้งกิจการร่วมทุนแก้ปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ – ธปท.ออกมาตรการส่งเสริมจัดตั้งกิจการร่วมทุนแก้ปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากโควิด

 

ประเด็นติดตาม: 28 ม.ค. – US PCE Price Index เดือน ธ.ค. / 31 ม.ค. – Chinese Manufacturing PMI เดือน ม.ค. / 4 ก.พ. – TH CPI เดือน ม.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)