PLANB เร่งการเติบโตด้วยการเข้าซื้อกิจการอื่น

PLANB เร่งการเติบโตด้วยการเข้าซื้อกิจการอื่น

PLANB จะเข้าซื้อบริษัทลูกสองแห่งของ บมจ. อควา คอร์เปอเรชั่น (AQUA) ซึ่งได้แก่ บมจ.อควา แอด (AA) และ บจ. บรอดเวย์ มีเดีย (BWM) ที่ราคารวมประมาณ 2.88 พันล้านบาท

การเข้าซื้อสองบริษัทเป็นทางลัดในการสร้างการเติบโต

เนื่องจากทั้ง AA และ BWM เป็นผู้ให้บริการสื่อนอกบ้าน (OOH) เช่นเดียวกับ PLANB เราจึงคาดว่าบริษัทจะได้อานิสงส์จากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเนื่องจาก i) เป็นการช่วยลดความรุนแรงของการแข่งขันในธุรกิจสื่อนอกบ้าน (OOH) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท เนื่องจากคาดว่ากลยุทธ์การตัดราคาจะผ่อนลงหลังจากที่ AA และ BWM ซึ่งเป็นคู่แข่งในธุรกิจ กลายมาอยู่ในเครือเดียวกันกับบริษัทแล้ว ii) จะมีป้ายโฆษณาเพิ่มอีกประมาณ 350 ป้าย คิดเป็นความสามารถในการให้บริการราว 1.5 พันล้านบาท หรือ 20% ของความสามารถในการให้บริการที่มีอยู่ของ PLANB iii) คาด PLANB จะมีอำนาจในการต่อรองกับเอเยนซี่สื่อ และเจ้าของธุรกิจในการซื้อโฆษณาบนป้ายโฆษณาของบริษัทเพิ่มขึ้น iv) คาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนลงได้ เพราะมีป้ายโฆษณา 50-70 ป้ายที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน โดยจะทำการยกเลิกบางป้ายไป ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าเช่าลดลงประมาณ 100–150 ล้านบาท/ปี และ v) ช่วยลดต้นทุนในการเปลี่ยนป้ายเก่าของ PLANB เพราะสามารถใช้ป้ายของ AA และ BWM ที่เพิ่งติดตั้งเมื่อปี 2563-64 แทน

 

จะแบ่งจ่ายค่าซื้อเป็นสี่งวด

เม็ดเงินที่ใช้ในการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว 2.88 พันล้านบาท จะมาจาก i) กระแสเงินสดภายในบริษัท ii) เงินกู้ และ iii) การเสนอขายหุ้นให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement หรือ PP) จำนวน 84 ล้านหุ้นที่ราคา 7.22 บาท/หุ้น ให้กับ AQUA คิดเป็นมูลค่า 606 ล้านบาท ทั้งนี้การขายหุ้นแบบ PP จะทำให้ AQUA เข้ามาถือหุ้นเพียง 1.96% ใน PLANB เท่านั้น ส่วนการชำระค่าหุ้นส่วนที่เหลือเป็นเงินสดให้กับ AQUA อีก 2.1 พันล้านบาท จะแบ่งจ่ายเป็นสี่งวด เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 โดยกำหนดจ่ายงวดที่สองเมษายน 2565 งวดที่สามในเดือนสิงหาคม 2565 และงวดสุดท้ายในเดือนธันวาคม 2565 ดังนั้น กระแสเงินสดของ PLANB จึงไม่ลดลงไปในคราวเดียว

 

 

ประมาณการกำไรปี 2565F ของเรายังมี upside อีก

เมื่ออิงจากความสามารถในการให้บริการ ของ AA และ BWM ซึ่งในช่วงปกติ (ก่อน COVID-19) มีอัตราการใช้สื่ออยู่ที่ประมาณ 40% ดังนั้น PLANB จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากสองบริษัทนี้ปีละประมาณ 600 – 700 ล้านบาท ซึ่งหากใช้สมมติฐานอัตรากำไรสุทธิของ AA และ BWM ที่ 10% - 15% เราคาดว่า จะช่วยเพิ่มกำไรให้ PLANB ปีละ 60 – 90 ล้านบาท หรือ ทำให้ประมาณการกำไรปี 2565F ของเราเพิ่มขึ้น 6% - 9% เป็น 889 ล้านบาท ในขณะเดียวกันการขายหุ้น PP จะทำให้เกิด dilution กับหุ้น PLANB เพียง 2% เท่านั้น โดยเราเตรียมปรับประมาณการกำไรของ PLANB เพื่อสะท้อนถึงอานิสงส์จากการเข้าซื้อกิจการใหม่รอบนี้หลังจากที่บริษัทรายงานผลประกอบการ 4Q64 ออกมาแล้ว

 

Valuation and action

เรายังคงราคาเป้าหมายของ PLANB เอาไว้เท่าเดิมที่ 9.60 บาท (PER ที่ 45.5 เท่า, +1.0 S.D) ซึ่งยังมี upside จากราคาตลาดอีก 21.5% ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ PLANB เนื่องจากคาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2565 และยังมี upside จากการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาเป้าหมายของเราเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.64 – 0.95 บาท

 

Risks

รายได้ค่าโฆษณาต่ำกว่าที่คาดไว้