ความเสี่ยงระยะสั้นเพิ่มขึ้น ผู้เก็งกำไรยังใช้ 1640 จุด คุมความเสี่ยง

ความเสี่ยงระยะสั้นเพิ่มขึ้น ผู้เก็งกำไรยังใช้ 1640 จุด คุมความเสี่ยง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลงกดดันภาพรวมการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มเซมิคอนดัค ที่ดัชนี Philadelphia Semiconductor Index (SOX) ปรับลดลง 3.25%

ภาพรวมความกังวลต่อการดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวของสหรัฐฯ ที่กำลังจะเริ่มขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง จะยังคงสร้างแรงกดดันต่อหุ้นที่ซื้อขายด้วย Valuation ที่สูงต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี สำหรับหุ้นไทย กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นตัวแทน (Proxy) ของหุ้นเทคโนโลยี และซื้อขายด้วย Valuation ที่สูง เทียบกับช่องก่อนโควิด (PER 45-50x vs. 20-25x) จะยังคงมีความเสี่ยงของการเกิดการลดของพรีเมี่ยมการซื้อขาย (de-rating) ต่อเนื่องได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราส่งสัญญาณเตือนนักลงทุนตั้งแต่ช่วง ธ.ค.64 เป็นต้นมา

ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และการรายงานผลประกอบการ ภาพรวมการลงทุนระยะสั้นยังคงมีปัจจัยกดดันหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯทำให้ตลาดจะติดตามการให้ข้อมูลและการส่งสัญญาณของการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ทั้งในรอบ 25-26 ม.ค. และ 15-16 มี.ค. ซึ่งจะเป็นช่วงระยะเวลาก่อนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบนี้ // สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/64 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยรวมออกมาดีกว่าคาด จากทิศทางการตั้งสำรองที่ลดลง โดยธนาคารทั้งหมดจะรายงานผลประกอบการภายในวันนี้ สำหรับสัปดาห์หน้า ผลประกอบการที่สำคัญ ได้แก่ SCGP, SCC และ PTTEP
 

 

ติดตามตัวเลขส่งออกวันนี้ อาจบวกต่อกลุ่มอาหาร Bloomber concensus คาดส่งออก ธ.ค.64 เติบโต 16.65% (ชะลอจาก พ.ย.ที่ 24.73%) และนำเข้าเติบโต 20.00% (จาก พ.ย.ที่ 20.47%)  และเกินดุลการค้า 625 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจัยสำคัญทีตลาดติดตามจะเป็นรายละเอียดของการเติบโต ซึ่งน่าจะยังเห็นผลิตภัณฑ์ถุงมือยางและยางรถยนชะลอตัว ขณะที่คาดการส่งออกเนื้อสัตว์ปรุงสุกจะยังมีโมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่องซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการไตรมาส 4/64 // สำหรับกลุ่มเกษตร น้ำตาล ปีนี้จะน่าสนใจ เนื่องจากปริมาณหีบอ้อย 64/65 น่าจะอยู่ที่ 85-90 ล้านตัน เทียบกับปีก่อนที่ 66.7 ล้านตัน ขณะที่ราคาเฉลี่ยทรงตัวระดับสูงที่ 18 เซนต์/ปอนด์ บวกต่อ KSL, KTIS, BRR

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง การเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ บวกต่อ CK, STEC, ITD, UNIQ 2) กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ตลาดเก็งกำไรการเข้าสู่ธุรกิจใหม่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิตอล และผลประกอบการปี 2564 ที่น่าจะเห็นการจ่ายปันผลในระดับที่ดี อย่างไรก็ตามยังมีความไม่ชัดเจนของภาพรายได้ปี 2565 อีกมาก การเก็งกำไรจึงควรกำหนจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง KGI, ASP, CGH, FSS 3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW 4) กลุ่มบันเทิง ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากงบโฆษณาที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ บวกต่อ ONEE, BEC, WORK, MONO 5) หุ้นเก็งกำไรทางเทคนิค อาทิ SFT, WFX, CV, UBE, VPO, CPI, TOP, GJS, RAM, IND
 

ภาพรวมกลยุทธ์: ถอยลงมาสู่โซนเสี่ยงซื้อ 1,640-1,660 จุด โดยใช้ 1,640 จุด เป็นจุดตัดสินใจชะลอเก็งกำไรหรือลดน้ำหนักการลงทุนหากหลุดระดับดังกล่าว ภาพรวมยังระวังหุ้นแรงขายทำกำไรกลุ่มผู้ชนะจากโควิด (อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์) และหมุนไปยังกลุ่มที่ปลอดภัยหรือ Valuation ต่ำมากขึ้น //หุ้นแนะนำ: QH*, ASW*, KSL*, SFT*

แนวรับ: 1,640-1,660 / แนวต้าน : 1,680-1,700 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

ประเด็นการลงทุน
 

สหรัฐประกาศกดดันราคาน้ำมัน แม้กลุ่มโอเปกไม่ร่วมมือ– สหรัฐประกาศให้คำมั่นที่จะดำเนินการต่างๆเพื่อกดดันราคาน้ำมันให้ลดลง ถึงแม้จะไม่ได้รับความร่วมมือจากประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หลังราคาน้ำมันพุ่งสูงแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี

ศบค.ฟื้น Test & Go เริ่ม 1 กพ. – ศบค.ฟื้น Test & Go เริ่ม 1 กพ. พร้อมลดพื้นที่สีส้ม เหลือ 44 จังหวัด เพิ่มพื้นที่สีเหลือง 25 จังหวัด 

คลังคาดจีดีพีปีนี้โต 4.5% คุมเงินเฟ้อไม่เกิน 3%– การคลังแจ้งเศรษฐกิจปีนี้ฟื้น โต 3.5-4.5% รวมทั้งงบลงทุนภาครัฐกว่า 1.9 ล้านล้านบาท จับมือแบงค์ชาติคุมเงินเฟ้อไม่เกิน 3% พร้อมขยายกรอบการก่อหนี้เฉียด 70% ต่อจีดีพี

ภาษีคริปโตสรุป 31 ม.ค.นี้ – กรมสรรพากรยันไม่เลื่อนเก็บภาษี คริปโตเคอร์เรนซีต้องยื่นแบบภายใน Q1 นี้ สรุปแนวทางปฏิบัติ วันที่ 31 ม.ค. 65

 

ประเด็นติดตาม: - 21 ม.ค. – ผลประกอบการกลุ่มธนาคาร, ส่งออกธ.ค. / 26 ม.ค. – Fed meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)