คาดปี 2565 น้ำมันดิบเบรนท์แตะ 100 ดอลลาร์ หลังอุปทานมันดิบตึงตัว

คาดปี 2565 น้ำมันดิบเบรนท์แตะ 100 ดอลลาร์ หลังอุปทานมันดิบตึงตัว

“ไทยออยล์” คาดน้ำมันดิบเบรนท์อาจแตะ 100 ดอลลาร์ ภายในปี 2565 หลังอุปทานมันดิบตึงตัว ตลาดกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และรัสเซีย

นักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันไทยออยล์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มหลังตลาดกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และรัสเซีย โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังตลาดกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และรัสเซีย ส่งผลกคดันการผลิตน้ำมันดิบ ทำให้อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ Goldman Sachs ได้คาดการณ์สต็อคน้ำมันคิบในกลุ่มประเทศ OECD ปรันลคลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2000 และราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายในปี2565 หลังอุปทานมันดิบตึงตัว

นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนยังคงน่ากังวล ล่าสุญี่ปุ่นพบจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นกว่า 6,000 รายในวันเดียว กรุงโตเกียวและจังหวัดอื่นๆ และอาจใช้มาตรการกึ่งฉุกเฉิน เช่นการจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดถูกกดคันจากอุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคที่ปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่อุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคยังคงตึงตัว

ด้านทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์ที่ 10-14 ม.ค.2565 และคาดการณ์สัปดาห์ที่ 17-21 ม.ค.2565 โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent เพิ่มขึ้น 4% และ NYMEX WTI เพิ่มขึ้น 4.8% จากนักลงทุนมีมุมมองต่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ว่า จะกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันเพียงจำกัด และสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมายังเจรจาไม่ได้ข้อสรุป และไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีการเจรจากันอีกเมื่อใด

โดยทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อ 14 ม.ค.2565 ว่ารัสเซียมีแผนสร้างสถานการณ์ หรือจัดฉากเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการนำกำลังทหารเข้าบุกพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนภายในเดือน ม.ค.- ก.พ.2565 นี้ และยูเครนอ้างว่าถูกรัสเซียโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้สหรัฐฯ มองว่ารัสเซียละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวยูเครนอย่างร้ายแรง และอาจเปิดฉากสงครามในที่สุด

สำหรับปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก โดย EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 7 ม.ค.2565 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 4.6 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 413.3 ล้านบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2561

วันที่ 11 ม.ค.2565 เกิดเหตุระเบิดท่อขนส่ง Gasoline ของบริษัทน้ำมันแห่งชาติเวเนซุเอลา PDVSA ทางตะวันออกของประเทศ โดยผู้ว่าการรัฐ Anzoategui นาย Luis Jose Marcano คาดว่าเป็นการก่อวินาศกรรม และกำลังซ่อมแซมความเสียหายโดยใช้เจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อไม่ให้การขนส่งหยุดชะงัก

ขณะที่ National Oil Corp. (NOC) ของลิเบีย รายงานท่าเรือส่งออกน้ำมันทางตะวันออก อาทิ Es Sider (350,000 บาร์เรลต่อวัน), Ras Lanuf (220,000 บาร์เรลต่อวัน ), Hariga (120,000 บาร์เรลต่อวัน) และ Zueitina (70,000 บาร์เรลต่อวัน) ปิดดำเนินการเนื่องจากภูมิอากาศแปรปรวน อย่างไรก็ตามปัจจุบันลิเบียกลับมาผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากช่วงต้นเดือน ที่ 729,000 บาร์เรลต่อวัน เพราะสถานการณ์ความไม่สงบ จากกองกำลังติดอาวุธปิดแหล่ง Sharara (300,000 บาร์เรลต่อวัน) ตั้งแต่ 20 ธ.ค.2564 เริ่มคลี่คลาย

รายงานประจำเดือน ม.ค.2565 ของ EIA รายงานอุปสงค์น้ำมันโลกปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5.05 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 96.90 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับลดจากคาดการณ์ครั้งก่อน 10,000 บาร์เรลต่อวัน) และคาดการณ์ปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 100.52 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับเพิ่มจากครั้งก่อน 60,000 บาร์เรลต่อวัน) จากอุปสงค์สหรัฐฯ และอินเดียเป็นหลัก

สำหรับปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ จำหน่ายน้ำมันดิบจากคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) ปริมาณรวม 18 ล้านบาร์เรล ให้บริษัทน้ำมัน 6 ราย ได้แก่ ExxonMobil, Valero, Phillip 66, Motiva Enterprises, Marathon Petroleum และ Gunvor USA ทั้งนี้สหรัฐฯ มีแผนระบายน้ำมันดิบจาก SPR รวม 32 ล้านบาร์เรล 

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ซึ่งบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ (Inflation) ช่วง ม.ค.- ธ.ค.2564 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.0% สูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยอาจเริ่มในเดือนมี.ค.2565