ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสทะยาน 1.53 ดอลล์หลังเหตุระเบิดท่อส่งน้ำมันตุรกี

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสทะยาน 1.53 ดอลล์หลังเหตุระเบิดท่อส่งน้ำมันตุรกี

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันพุธ(19ม.ค.)พุ่งขึ้น 1.53 ดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี หลังเกิดเหตุระเบิดท่อส่งน้ำมันของตุรกี ซึ่งกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันจากอิรักไปยังตุรกี

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส  ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 1.8%  ปิดที่ราคา 86.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.06% ปิดที่ราคา 88.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ บริษัทโบตัส ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการระบบท่อส่งน้ำมันของรัฐบาลตุรกี ได้ระงับการลำเลียงน้ำมันผ่านท่อส่งเคอร์คุก-ซีย์ฮาน หลังจากเกิดเหตุระเบิดใกล้กับจังหวัดคาห์รามานมารัส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี

ท่อส่งน้ำมันเคอร์คุก-ซีย์ฮานเป็นท่อส่งน้ำมันความยาว 600 ไมล์ (970 กม.) ที่ลำเลียงน้ำมันจากเมืองเคอร์คุกในอิรักไปยังเมืองซีย์ฮานของตุรกี และถือเป็นเส้นทางการส่งออกน้ำมันดิบใหญ่ที่สุดของอิรัก

ด้านสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนม.ค. โดยระบุว่า ตลาดจะเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดในไม่ช้า เนื่องจากปริมาณน้ำมันจะอยู่สูงกว่าอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันบางรายเพิ่มกำลังการผลิตสูงเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าสหรัฐ แคนาดา บราซิล รัสเซีย และซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มกำลังการผลิตสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้

"การเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ข้อมูลขณะนี้ระบุว่า สต็อกน้ำมันทั่วโลกได้อยู่ต่ำกว่าระดับก่อนโควิด-19 ในช่วงต้นปีนี้" รายงานระบุ

นอกจากนี้ ไออีเอ ยังปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีที่แล้วและปีนี้อีก 200,000 บาร์เรล/วัน โดยได้แรงหนุนจากการที่ประเทศต่างๆผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19