AOT ผลประกอบการอาจถูกฉุดโดยการระบาดของสายพันธ์ุ Omicron

AOT ผลประกอบการอาจถูกฉุดโดยการระบาดของสายพันธ์ุ Omicron

เราคาดว่า AOT จะขาดทุนสุทธิ 3.37 พันล้านบาทใน 1Q65F ดีขึ้นจากที่ขาดทุนสุทธิ 3.45 พันล้านบาทใน 1Q64 และ 5.16 พันล้านบาทใน 4Q64

โดยเราคาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะดีขึ้นจากการที่ประเทศไทยเปิดประเทศบางส่วนตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เราคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 2.19 พันล้านบาท (+1.0% YoY, +50.0%QoQ) ในขณะที่คาดว่า EBIT margin จะดีขึ้นเป็น -190.0% จาก -193.5% ใน 1Q64 และ -380.9% ใน 4Q64 ทั้งนี้ จากประมาณการ 1Q65F ของเราจะเห็นว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทจะยังคงถูกผลกระทบจากการที่ COVID-19 ระบาดหนักในประเทศไทย แต่ความรุนแรงของผลกระทบลดลง เนื่องจากมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศลง อย่างไรก็ตาม เรามองว่ายังไม่สามารถจะหักล้างกับจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศที่ลดลงจากข้อจำกัดของพื้นที่ควบคุมเพื่อยับยั้งโรค
ระบาด นอกจากนี้ มาตรการของบริษัทเพื่อให้ความช่วยเหลือสายการบิน และผู้ประกอบการพื้นที่เช่าในสนามบินจะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงเดือนมีนาคม 2566

 

ปรับลดประมาณการปี FY65-66F ลงจากการระบาดของ Omicron

เมื่ออิงตามสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี FY65-66 ใหม่ของ KGI เราคาดว่ารายได้ และอัตรากำไรของ AOT น่าจะต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ จากการที่สายพันธุ์ Omicron ระบาด แต่ยังคงคาดว่าผลประกอบการของ AOT จะพลิกเป็นบวกได้ในปี FY66F ทั้งนี้ เราปรับลดประมาณการปี FY65F เป็นขาดทุนสุทธิ 4.5 พันล้านบาท (จากขาดทุนสุทธิ 2.3 พันล้านบาท) และปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี FY66F เหลือ 1.28 หมื่นล้านบาท (จากกำไรสุทธิ 1.56 หมื่นล้านบาท) เนื่องจากเราปรับลดประมาณการรายได้ปี FY65F ลง 9.7% และปี FY66F ลง 6.2% จากการที่เราปรับลดสมมติฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565 ลงเหลือ 8 ล้านคน (จากเดิม 12 ล้านคน) และปี 2566F ลงเหลือ 25 ล้านคน (จาก 35 ล้านคน)

 

 

 

ยังคงมองบวกในระยะยาว

เราคิดว่าประเทศไทยยังคงดูน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังจะเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มกลับมาเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งแม้จะยังคงมีข้อจำกัดสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในการเดินทางเข้าประเทศไทยแต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยต่อวันยังคงเพิ่มขึ้นจาก 7,9 พันคนในเดือนพฤศจิกายน 2564 เป็น 16.6 พันคนในเดือนธันวาคม 2564 และเป็น 18.9 พันคนในช่วง 8 วันแรกของเดือนมกราคม 2565 (เทียบกับคาดการณ์ของเราที่ 21.9 พันคนต่อวัน) ดังนั้น เราจึงมั่นใจในศักยภาพการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเมื่อมีการกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มที่ในปี 2566

 

Valuation & Action

เราเห็นถึงโอกาสการพลิกฟื้นของ AOT เราจึงยังคงคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี FY65 ใหม่ที่ 73.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 9% และ TG ที่ 3%) จากเดิมที่ 73.50 บาท

 

Risks

COVID-19 กลับมาระบาดหนักอีกครั้ง, เศรษฐกิจถดถอย และปัญหาความไม่สงบทางการเมือง