"น้ำมัน" แพง ดัน "ภาคขนส่ง" เป็นจำเลยราคาสินค้าพุ่ง?

"น้ำมัน" แพง ดัน "ภาคขนส่ง" เป็นจำเลยราคาสินค้าพุ่ง?

แม้ว่าราคา "พลังงานโลก" จะมีความผันผวนและสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ส่งผลให้ราคาขายปลีกหน้า "ปั๊มน้ำมัน" ให้กับประชาชนในประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คนไทยทั้งประเทศใช้น้ำมันดีเซล 70% กระทรวงพลังงานโดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใช้เงินพยุงราคาน้ำมันดีเซลจนบัญชีติดลบและต้องกู้เงินเข้ากองทุนฯ เร่งด่วนเพราะหวังนำเงินมาพยุงราคาก๊าซหุงต้ม LPG ด้วย

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้มอนิเตอร์ราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อคงนโยบายดูแลดีเซลไม่ให้สูงกว่า 30 บาทต่อลิตร ในขณะที่ก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน (LPG) ให้คงราคาไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กม. ไปถึงสิ้นเดือนมี.ค.2565 เบื้องต้นใช้เงินจากกองทุนฯรวมกันราว 5,000-6,000 ล้านบาทต่อเดือน

ทั้งนี้ กบง.ได้มีมติตรึงราคาดีเซลและก๊าซหุงต้มแอลพีจีเป็นเวลาประมาณเกือบ 2 ปี ใช้เงินตรึงราคาจากกองทุนน้ำมันฯ ไปแล้วกว่า 23,564 ล้านบาท ส่งผลให้วันที่ 9 ม.ค.2565 กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะติดลบ 7,327 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ได้สั่งการให้ดูแลพลังงานให้มั่นคงไม่ขาดแคลน และมีราคาที่กระทบผู้บริโภคน้อยที่สุด

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า กองทุนน้ำมันฯ ได้ให้เวลาธนาคารต่างๆ ยื่นปล่อยเงินกู้กับกองทุนน้ำมันฯ ถึงวันที่ 31 ม.ค.2565 เท่าที่ทราบข้อมูลมีธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารกสิกรไทย ประสานมาทางสำนักบริหารการเงินเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจ

นอกจากนี้ มีอีกหลายธนาคารได้เข้ามาดูข้อมูลในระบบเว็บไซต์ของกองทุนน้ำมันฯ เพื่อนำไปวิเคราะห์เช่นกัน เพราะในเว็บไซต์กองทุนน้ำมันฯ ได้แสดงรายละเอียดการชดเชยในเวลา 3 ปี กระแสเงินสด 38,000 ล้านบาท เป็นต้น

“มั่นใจว่าจะมีธนาคารยื่นข้อเสนอมาแน่นอน เราใช้วิธีการประมูลตามระบบราชการทั่วไป มีความโปรงใส ขณะนี้รัฐบาลได้กังวลค่าครองชีพของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็หวังว่าเงินในส่วนนี้จะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายประชาชนต่อไป ส่วนตัวยังหวังว่าช่วงปลายเดือนมี.ค.-เม.ย.2565 จะเข้าสู่ฤดูร้อน ราคาพลังงานน่าจะต่ำลงมาด้วยเช่นกัน” นายวิศักดิ์ กล่าว

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า ไม่เคยเห็นรัฐบาลชุดไหนบริหารงานได้แย่กว่านี้มาก่อน นอกจากไม่ให้ความสำคัญและเห็นใจภาคขนส่และยังมองเห็นความทุกข์ร้อนประชาชน ยืนยันว่าภาคขนส่งไม่มีการปรับขึ้นราคา เพียงแต่แค่หยุดวิ่งรถ 10-20% เท่านั้น ซึ่งวันที่ 15 ม.ค.2565 ได้เริ่มกลับมาวิ่งรถแล้ว เพราะหยุดวิ่งก็อาจส่งผลกระทบประชาชน เพราะดูว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ขนส่งขอให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลก็ไม่เห็นสนใจ แต่กลับลดภาษีสรรพสามิตเครื่องบินจากเดิมเก็บที่ 7 บาทกว่าๆ เหลือราว 20 สตางค์ ซึ่งคนบางกลุ่มโจมตีว่าภาคขนส่งเป็นผู้ทำให้ข้าวของมีราคาแพง ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าขนส่งเลย

“ตนต่อสู้ทุกวันนี้ก็เพิ่มประชาชน ไหนๆ รวมเป็นกลุ่มได้ก็อยากทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ หากไม่เกิดการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ตนพร้อมสมาชิกจะมาประท้วงที่หน้ากระทรวงพลังงาน แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้จึงต้องชะลอไปก่อน เพราะไม่อยากให้เกิดกลุ่มคลัสเตอร์ขึ้น”

นายอภิชาต กล่าวว่า คงไม่ขอคุยกับกระทรวงพลังงานแล้ว เพราะการหารือ 3 รอบยังไม่ได้คำตอบที่ดี มีทางเดียวคือต้องไล่รัฐบาลชุดนี้ออกไป จากการที่ข้าวของแพง แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานระบุว่าเงินเฟ้อเป็นสิ่งที่ดี ตนเองเสียความรู้สึก ดังนั้น จุดยืนคือจะหาโอกาสและเวลาที่จะไปประท้วง โดยวันที่ 21 ม.ค.2565 จะประชุมอีกครั้งเพื่อหาจุดยืนร่วมกัน