แบงก์เอกชนเจ้าหนี้ปล่อยกู้ อุ้มการบินไทย 2.5 หมื่นล้าน

"การบินไทย" ลุยโรคโชว์จัดหาแหล่งเงินกู้ ครั้งที่ 1 สถาบันการเงินหลายแห่งสนใจสนับสนุน ยันวงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท เพียงพอเดินหน้าธุรกิจ
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้เข้าสู่การฟื้นฟูกิจการตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.2563 และได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูมาถึงปัจจุบันที่เข้าสู่การจัดหาแหล่งเงินกู้ โดยการบินไทยจัดโรคโชว์ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2564 เพื่อนำเสนอข้อมูลให้กับสถาบันการเงินที่สนใจให้เงินกู้กับการบินไทย
ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยอยู่ในขั้นตอนการจัดหาเงินกู้เพื่อมาใช้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา การบินไทยได้มีการโรดโชว์กับสถาบันการเงิน เพื่อนำเสนอข้อมูลการฟื้นฟูกิจการของการบินไทย ซึ่งพบว่ามีสถาบันการเงินหลายแห่งมีความสนใจสนับสนุนเงินกู้ให้กับการบินไทย
“สถาบันการเงินที่สนใจให้การบินไทยกู้เป็นสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้การบินไทยเท่านั้น แต่ในอนาคตอาจมีสถาบันการเงินอื่นเข้ามาเพิ่มก็ได้ และหลังจากนี้จะเป็นการดูรายละเอียดรายธนาคาร โดยบางแห่งนัดหมายพบกันแล้วและบางแห่งนัดหมายหลังเทศกาลปีใหม่”
สำหรับวงเงินสินเชื่อที่การบินไทยต้องการอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท แบ่งทำสัญญา 2 ส่วน คือ สินเชื่อในไตรมาส 1 ปี 2565 วงเงิน 12,500 ล้านบาท และสินเชื่อใหม่ไตรมาส 2 ปี 2565 วงเงิน 12,500 ล้านบาท จะเป็นสัญญาเงินกู้เทอมโลน ซึ่งในไตรมาส 2 การบินไทย จะยื่นศาลล้มละลายกลางขอแก้แผนฟื้นฟูกิจการในประเด็นที่มาแหล่งเงินกู้จากเดิมที่ระบุแหล่งที่มาจากภาคเอกชนและภาครัฐ 50,000 ล้านบาท
“วงเงินกู้ 25,000 ล้านบาท ถือว่าเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจตามแผนฟื้นฟู เพราะสถานการณ์ด้านการบินเริ่มดีขึ้น การบินไทยลดค่าใช้จ่ายได้และมีแผนหารายได้ชัดเจน”
แหล่งข่าวจากการบินไทย กล่าวว่า การบินไทยยื่นหนังสือให้สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้และไม่ใช้เจ้าหนี้ โดยสถาบันการเงินที่สนใจจะเข้าสู่การเจรจาเพื่อนำไปสู่การจัดทำดิวดิลิเจนท์ ซึ่งจะเริ่มกู้ได้ปลายไตรมาส 1 ปี 2565 ตามแผนที่บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน (เอฟเอ) วางไว้ว่าต้องใช้เงิน 25,000 ล้านบาท จากเดิมที่ระบุในแผนฟื้นฟูกิจการที่ 50,000 ล้านบาท
“การที่ได้แหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ของการบินไทยอยู่แล้วถือว่าได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะการบินไทยจะได้เงินมาดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ในขณะที่เจ้าหนี้ก็จะได้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนในการบินไทย”
นอกจากนี้ การจัดหาสินเชื่อใหม่ 25,000 ล้านบาท จากภาคเอกชนในแผนฟื้นฟูการบินไทยระบุเงื่อนไข ประกอบด้วย
1.อัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมเงินต้องไม่เกินกว่าอัตรา MLR ต่อปี
2.ระยะเวลาขอสินเชื่อใหม่ไม่เกิน 6 ปี เริ่มชำระคืนเงินต้นตั้งแต่ปีที่ 3 นับจากวันที่เบิกใช้สินเชื่อใหม่ครั้งแรก โดยชำระเป็นรายครึ่งปี
3.ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อใหม่ ตลอดจนเงื่อนไขอื่นให้เป็นตามที่ผู้บริการแผนจะบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ที่ให้สินเชื่อใหม่
4.เจ้าหนี้ที่ให้สินเชื่อใหม่ในส่วนนี้จะได้สิทธิซื้อหุ้นตามสัญญาการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวนเดียวกันกับจำนวนหนี้สินเชื่อใหม่ที่การบินไทยเบิกใช้จริง โดยสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนกำหนดให้ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของการบินไทยมูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้นในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น
กรณีที่มีผู้เสนอให้การสนับสนุนสินเชื่อใหม่เกิน 25,000 ล้านบาท ให้ผู้บริหารแผนเลือกรับการสนับสนุนสินเชื่อใหม่จากผู้ที่เสนออัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่ให้ประโยชน์สูงสุดต่อการบินไทย
การบินไทยมีหนี้สินที่ยื่นขอชำระจากกลุ่มเจ้าหนี้สถาบันทางการเงินไม่มีประกัน 17 แห่ง รวมเงินต้น 29,659 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1,569 ล้านบาท รวม 31,228 ล้านบาท (ข้อมูล มี.ค.2564) ครอบคลุมธนาคารรัฐ ธนาคารเอกชนไทยและต่างชาติ ดังนี้
สถาบันการเงินเอกชนในประเทศ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ 9,344 ล้านบาท , ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 2,149 ล้านบาท , ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) 1,270 ล้านบาท และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย 782 ล้านบาท
สถาบันการเงินต่างประเทศ ประกอบด้วย นาทิซิส (Natixis) 695 ล้านบาท , มอร์แกน สแตนลีย์ แอนด์โค อินเตอร์เนชั่นแนล พีแอลซี 551 ล้านบาท , ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส เนชั่นแนล แอสโซซิเอชั่น 532 ล้านบาท , ENGIE Global Markets 347 ล้านบาท เมอร์ริล ลินซ์ อินเตอร์เนชันแนล 291 ล้านบาท , Macquarie Bank Limited 217 ล้านบาท , เจ.อารอน & คอมพานี (สิงคโปร์) พีทีอี 63 ล้านบาท , BP Singapore Pte Limited 50 ล้านบาท และธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด 13 ล้านบาท







