แผนใช้จ่ายครัวเรือนไทยปี65 เตรียมรับน้ำมันดันค่าครองชีพพุ่ง

แผนใช้จ่ายครัวเรือนไทยปี65 เตรียมรับน้ำมันดันค่าครองชีพพุ่ง

ปี2565 ที่กำลังจะมาถึงแม้จะมีสัญญาณดีจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19อย่างทั่วถึงแล้วแต่หลังจาก“โอมิครอน”เกิดขึ้นมาความคืบหน้าการฉีดวัคซีนก็เหมือนถอยกลับไปอยู่ที่เดิม บวกกับราคาน้ำมันที่สูงทำให้ครัวเรือนไทยต้องผจญปัจจัยเสี่ยงทั้งทางสุขภาพและเศรษฐกิจ

สำหรับเศรษฐกิจครัวเรือนว่าด้วยค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล ยิ่งมีความเสี่ยง ก็ยิ่งต้องมีการวางแผนให้รอบคอบ ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.)กระทรวงพาณิชย์ ระบุถึง

ค่าใช้จ่ายของครัวเรือน เดือนพ.ย. 2564 รวมค่าใช้จ่ายรายเดือน 17,193 บาท โดยค่าใช้จ่ายที่มีมูลค่าสูงสุดได้แก่

  • ค่าโดยสารสาธารณะ ค่าซื้อยานพาหนะ น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์มือถือ รวม 4,037 บาท
  • รองลงมาคือค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม เครื่องใช้ในบ้าน รวม 3,880 บาท
  • และเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ 1,555 บาท 

หากคำนวนเป็นสัดส่วนการใช้จ่ายพบว่า

- หมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อยู่ที่ 40.45%

  • โดยกลุ่มสินค้าใช้จ่ายสูงสุดได้แก่ เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ 9.04% 
  • รองลงมาคือ อาหารบริโภคในบ้าน 8.60%

- ขณะที่หมวดสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ อยู่ที่ 59.55%

  • กลุ่มสินค้าใช้จ่ายสูงสุดได้แก่ ค่าโดยสาร ค่าน้ำมันค่าโทรศัพท์ 23.48% 

แผนใช้จ่ายครัวเรือนไทยปี65 เตรียมรับน้ำมันดันค่าครองชีพพุ่ง

สนค. ยังประเมินอีกว่า แนวโน้มราคาสินค้าปี 2565 อาทิ น้ำมันเชื้อเพลิง คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 จะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ ในภาพรวมราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยปี 2565 มีแนวโน้มใกล้เคียงกับปี 2564 

สำหรับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศปี 2565 มีทิศทางที่สอดคล้องกับ การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2565 และจะค่อย ๆ ปรับลดลงในช่วงปลายปี 2565

ส่วนสินค้าเกษตรสำคัญ คาดว่าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2564 อาทิ ปาล์ม มันสำปะหลัง ยางพารา และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากความต้องการใช้ทั้งในและต่างประเทศของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องยังมีทิศทางเพิ่มขึ้น สำหรับราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางรายการ อาทิ ข้าวเปลือก สุกรมีชีวิต และไก่มีชีวิต อาจจะทรงตัว เนื่องจาก ความต้องการทั้งในและต่างประเทศที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อปริมาณผลผลิตสินค้าเกษตร

สินค้าอาหารสด อาทิ ข้าวสาร และไข่ ราคามีแนวโน้มทรงตัวหรืออาจลดลงเล็กน้อย ทั้งราคาข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียว จากสภาพอากาศที่เหมาะสม ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตมีจำนวนมาก นอกจากนี้ การแข่งขันด้านราคากับประเทศผู้ส่งออกอื่น ๆ ยังเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาข้าวลดลง สำหรับไข่ คาดว่าจะเกิดความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานภายในประเทศ และการกักตุนในครัวเรือนจะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนเนื้อสัตว์ ผักสด และอาหารบริโภคนอกบ้าน ราคามีแนวโน้มปรับสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการเพิ่มขึ้น และต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาผักสดค่อนข้างจะผันผวนตามสภาพอากาศที่กระทบต่อผลผลิต

สินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม คาดว่ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2564 ในอัตราที่ลดลง ตามราคาสินค้าสำคัญ อาทิ กลุ่มสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทรงตัวในระดับสูง ประกอบกับความต้องการใช้ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก ขณะที่การผลิตอยู่ในระดับจำกัด สำหรับกลุ่มสินค้าเหล็ก ราคาปรับเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์โลก

ดังนั้น การวางแผนใช้จ่ายครัวเรือนไทยปี 2565 จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะทิศทางราคาสินค้าหลายรายการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งในโครงสร้างการใช้จ่ายรายเดือนของครัวเรือนไทยยังมีค่าใช้จ่ายบางส่วนที่แอบแฝงอยู่ที่อาจต้องอยู่ในรายการที่ต้องตัดทิ้ง เช่น ค่าบุหรี่ ค่าเหล้า ค่าเบียร์ 237 บาท ค่าอาหารบริโภคนอกบ้าน (ข้าวราดแกง) อาหารตามสั่ง KFC Pizza 1,142 บาท 

แม้การตัดค่าใช้จ่ายรายเดือนจะเป็นเรื่องง่ายในทางการคำนวนแต่ในทางปฎิบัติถือว่ายากมากเพราะค่าใช้จ่ายเกือบทุกรายการล้วนแต่มีความจำเป็นทั้งเพื่อการดำรงชีวิตอยู่และเพื่อการอยู่อย่างรื่นรมณ์ ขณะที่การหารายได้เพิ่มก็เป็นอีกความท้าทายในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ การวางแผนเพื่อการดำรงชีพในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน