ทำไม Intel จึงนำ Mobileye เข้าเทรดในตลาด?

ทำไม Intel จึงนำ Mobileye เข้าเทรดในตลาด?

ทำไม Intel เตรียมนำ Mobileye เข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ช่วงปลายปี 2022 ซึ่งคาดว่าบริษัทจะมีมูลค่ากว่า $50 billion

บริษัท Intel ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ วางแผนที่จะนำบริษัท Mobileye เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงปลายปี 2022 โดยคาดว่าบริษัทจะมีมูลค่ากว่า $50 billion มูลค่าใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังจากจีน อาทิ NIO $59 billion หรือ XPEV $41 billion หลังจากที่ Intel ได้มีการประกาศราคาหุ้นบริษัท Intel ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 3%

รู้จักบริษัท Mobileye

บริษัท Mobileye เป็นบริษัทพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ และผลิตเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ หรือ Advanced Driver-assistance System

บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ที่อิสราเอล ก่อนที่จะถูกบริษัท Intel เข้าซื้อกิจการในปี 2017 ด้วยมูลค่า $15.3 billion โดย ณ ขณะนั้น Intel ได้ทำการซื้อมาในราคาสูงกว่าหุ้นที่เทรดในตลาดถึง 34% โดย Intel มองว่าธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับมีศักยภาพที่จะเติบโตได้สูง

ทำไม Intel จึงนำ Mobileye เข้าเทรดในตลาด?

ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าเป็นผู้ผลิตยานยนต์กว่า 25 บริษัททั่วโลก อาทิ BMW, Audi, Volkswagen, Nissan, Honda และ General Motors นอกจากนี้ ยังมียานยนต์กว่า 60 ล้านคันใช้เทคโนโลยีของ Mobileye และมีรถยนต์กว่า 300 รุ่นที่มีชิ้นส่วนของ Mobileye อยู่ภายใน

ในปี 2020 Mobileye มียอดขายราว $1 billion และมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ตั้งแต่ Intel เข้าซื้อกิจการ ล่าสุด CEO Intel ได้ออกมากล่าวว่า การเข้าซื้อ Mobileye ถือเป็นความสำเร็จของบริษัท และยังเสริมอีกว่าในปี 2021 รายได้ของ Mobileye จะมากกว่าปี 2020 ถึง 40%

ทำไม Intel นำบริษัท Mobileye เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

บริษัท Intel มองว่า การนำ Mobileye เข้าตลาดจะทำให้ Mobileye เติบโตได้ง่ายขึ้น จากที่บริษัทผลิตรถยนต์ทั่วโลกได้มีการทุ่มเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไร้คนขับ อีกทั้งยังเป็นการแบ่งแยกชัดเจนระหว่างธุรกิจผลิตชิป และธุรกิจพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า 

Intel เทรด P/E อยู่ในระดับต่ำกว่าบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในธุรกิจ semiconductor

ทำไม Intel จึงนำ Mobileye เข้าเทรดในตลาด?

Souce: Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 9 ธ.ค. 2021

นอกจากนี้ ย้อนกลับไปในอดีต บริษัท Intel ถือเป็นผู้นำการผลิตชิป และมีส่วนแบ่งการตลาด กว่า 80-90% หรือแทบจะผูกขาดการค้า และมีกำไรมหาศาล อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทผลิตชิปอื่นๆ ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีจนล้ำหน้า Intel อาทิ บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing หรือ บริษัท AMD ทำให้ Intel มีส่วนแบ่งในตลาดลดลงเรื่อยๆ – จากข้อมูลด้านบนจะเห็นได้ว่านักลงทุนให้ความหวังการเติบโตรายได้ของบริษัทอื่นๆ สูงกว่า Intel ผ่านระดับ P/E ที่สูงกว่ามาก

ดังนั้นการที่ Intel ได้มีการนำ Mobileye เข้าตลาดนั้น เพื่อนำมาเป็นเงินทุนต่อไป โดยจะใช้เงินที่ได้จากการขายหุ้นสำหรับการสร้างโรงงานผลิตชิป 2 แห่งในปีหน้า จากที่ได้มีการประกาศว่าจะลงทุนในโรงงานใหม่ที่ $20 billion ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ขาดแคลนชิปในปัจจุบันที่กระทบกับอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ อย่างไรก็ตาม ทาง Intel ยังไม่เปิดเผยว่าจะขายหุ้นออกมาเท่าไหร่ แต่จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Mobileye อยู่

แน่นอนว่าการแข่งขันในโลก Semiconductor ในช่วงที่ผ่านมา Intel อาจจะพลาดไปบ้างภายหลังถูกแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด แต่เราเชื่อว่าอุปสงค์กลุ่มสินค้าเทคโนโลยี หรือ นวัตกรรมใหม่ๆ อาทิการมาของ เทคโนโลยี Metaverse, รถยนต์ไฟฟ้า / ระบบขับเครื่องอัตโนมัติ ยังคงมีความต้องการอีกสูงมาก ดังนั้นแล้วในอนาคตไม่แน่ว่า Intel จะสามารถกลับมาทวงตำแหน่งจากคู่แข่งได้อีกครั้ง

ที่มา: CNBC, Reuters, The Wall Street Journal, Mobileye

ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน 
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds