ลุ้น Rebound (ประจำวันที่ 7 ธันวาคม 2564)

ลุ้น Rebound (ประจำวันที่ 7 ธันวาคม 2564)

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว แกว่งตัวแดนลบในกรอบแคบ จากการที่ตลาดยังมีความกังวลโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ยังมีความไม่แน่นอน ประกอบกับเป็นวันทำการสุดท้ายก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาว

ทำให้ปริมาณการซื้อ-ขายลดลง หุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวสลับบวก-ลบ ยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน เป็นหน้าหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ปรับตัวเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด เช่น PPM, SAAM, B, JTS, W ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,588.19 จุด -3.65 จุด -0.23% มูลค่าการซื้อขาย 55,197 ลบ.ต่างชาติ -316.38 ลบ. TFEX -11,597 สัญญา ตราสารหนี้ -477.82 ลบ.


ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด เพิ่มขึ้น 646.95 จุด +1.87% นลท.คลายความกังวลสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังจากแพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่ายังไม่มีข้อมูลที่แสดงว่าไวรัสโอมิครอนก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง ช่วยหนุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่นหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มอุตสาหกรรม
+ ราคาน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 3.23 ดอลลาร์ +4.9% ปิดที่ 69.49 ดอลลาร์/บาร์เรล แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ขายให้กับลูกค้าในเอเชียและสหรัฐ และนลท.คลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
+ ปธน.โจ ไบเดน ประกาศมาตรการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในช่วงฤดูหนาวที่กำลังใกล้เข้ามาโดยยืนยันว่าจะไม่มีการล็อกดาวน์ และไม่ขยายข้อกำหนดการฉีดวัคซีนให้เข้มงวดมากไปกว่าปัจจุบัน
+ รัฐบาลเผยฐานะการเงินไทยแข็งแกร่ง-ทุนสำรองระหว่างปท. 2.46 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.17 ล้านล้านบาทสูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลก
+ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ในประเทศวันนี้ลดลงต่อเนื่อง พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 3,525 ราย มีผู้เสียชีวิต 31 ราย รักษาหาย 6,109 ราย

 

ปัจจัยลบ

- ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ย.ของจีน ลดลงสู่ระดับ 52.1 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 53.8 ในเดือนต.ค. โดยได้รับผลกระทบจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และจากการที่จีนยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19
-รัฐบาลเยอรมนีเตรียมบังคับใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดระลอกที่ 4
- โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนประณามคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐบางคนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน พร้อมเตือนว่าสหรัฐและไต้หวันกำลังเล่นกับไฟด้วยการยั่วยุจีนอย่างต่อเนื่อง
-หุ้นเอเวอร์แกรนด์ดิ่ง 12% ต่ำสุดในรอบ 11 ปี หลังยอมรับอาจมีเงินไม่พอใช้หนี้
- สธ.ยืนยันพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 1 ราย เป็นชายไทย สัญชาติอเมริกัน

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังแพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าไวรัสโอมิครอนก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง ขณะที่ยังมีแรงกดดันจากการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอนรายแรกในไทย มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,580-1,600 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์โควิด-19 STGT STA BCH EKH SMD WINMED TM PHOL
• หุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 : หุ้นเข้า BANPU KEX TIDLOR หุ้นออก BJC DELTA STA , SET100 : หุ้นเข้า BLA BPP EPG RCL SIRI STARK TTA หุ้นออก AAV ICHI JAS NRF PRM PSL TKN
• ส่งออกเดือน ต.ค. ขยายตัว AH SAT NER KCE HANA TWPC JUBILE
• รัฐบาลออกวีซ่ารักษาพยาบาลสำหรับต่างชาติ รักษาตัวในไทยได้นาน 1 ปี BH BDMS BCH PR9

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                 ORI (Bloomberg Consensus 13.40 บาท)

•(+) 3Q64 มีกำไรสุทธิ 709 ล้านบาท -1%YoY -17%QoQ งวด 9M64 มีกำไรสุทธิ 2,386 ล้านบาท +18%YoY ปลายก.ย. มี backlog 34,359 ล้านบาทส่วนที่จะโอนภายในปี 64 ราว 3,600 ล้านบาทส่งผลให้เป้ายอดโอน 13,800 ล้านบาทมี backlog ครบ 100% Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 64 เฉลี่ย 2,994.71 ล้านบาท +13%YoY และปี 65 คาดจะมีกำไร 3,473.29 ล้านบาท +16%YoY

•ศักยภาพในการเติบโตจากการลงทุนในธุรกิจหลากหลายทั้งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและให้เช่า โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ รวมทั้งร่วมเป็นพันธมิตรกับธุรกิจอื่นด้านสุขภาพ (Origin Healthcare) นิคมอุตสาหกรรม (Alpha Industrial Solutions) พลังงาน (Origin Gunkul Energy) ประกันภัย (Prime Insurance Broker) และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Prominent Asset Management) ล่าสุดเข้าถือหุ้น 25% ในบจ.ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี (THAI LEAF) ซึ่งประกอบธุรกิจนำเข้าและผลิตเมล็ดพันธุ์กัญชง

•เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ BRI ถือหุ้นราว 600 ล้านหุ้นคิดเป็นสัดส่วนหลัง IPO เท่ากับ 70% ปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอขายหุ้น IPO จานวน 252.65 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10.50 บาทและเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลท.ปลายเดือนธ.ค. นี้

•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อโอกาสเติบโตในอนาคต ราคาหุ้น -4.6%YTD แต่ +39%YTD โดยมี P/E 8.5x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 27x แนะนำซื้อ

 

หุ้นมีข่าว

(+) DITTO (Bloomberg Consensus 23.50 บาท) ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 โต 15-20% เจาะ Document and Data รุกบริหารจัดการเอกสาร ชี้ดีมานด์สูง หลังผู้บริโภคปรับพฤติกรรม Work From Home ส่วน Innovation Technology งานเต็มพอร์ต กอดแบ็กล็อกเกือบพันล้านบาท มั่นใจปีนี้ผลงานมาตามนัด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ICN (Bloomberg Consensus - บาท) สบช่องรวบงานบริการบำรุงรักษา หลัง TRUE ผนึก DTAC เชื่องานเพิ่มจากเดิมมีรายได้เฉลี่ยอยู่เกือบ 100 ล้านบาท บิ๊กบอส "มนชัย มณีไพโรจน์" กางแผนยุทธศาสตร์ปี 2565 บุกดิจิทัลเต็มสูบ เล็งเซ็นรับงานต้นปีหน้าเพียบ อวด Backlog เต็มหน้าตัก 1 พันล้านบาท ตั้งเป้ารายได้โตต่อ 20% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BJCHI (Bloomberg Consensus - บาท) ลั่นรายได้ปี 65 เติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ ลุ้นผลประมูลงาน 26 โครงการ รวม 3.6 หมื่นล้านบาท มั่นใจได้งานอย่างน้อย 6 โครงการ มูลค่ากว่า 8.3 พันล้านบาท โชว์แบ็กล็อกล่าสุด 2 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปี 65-66 แถมเจรจาลูกค้าเก่าเดินหน้าโครงการที่ชะลอไปจากผลกระทบโควิด-19 คาดชัดเจนต้นปีหน้า (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) GRAMMY (Bloomberg Consensus - บาท) เล็งผนึกพันธมิตร เปิดตัวสินทรัพย์ดิจิทัล NFT เร็วๆ นี้ มั่นใจภาพรวมรายได้ทั้งปี 2564 ดีกว่าปี 2563 ย้ำหากโควิด-19 ไม่ระบาดรุนแรงจนรัฐบาลต้องควบคุมเข้มงวดปีหน้าพร้อมจัดคอนเสิร์ตใหญ่ไม่ต่ำกว่า 5 งาน ขนภาพยนตร์ลงโรงอีก 5 เรื่อง แย้มไตรมาส 4/2564 มีบันทึกกำไรพิเศษ 2 รายการ (ที่มา ทันหุ้น)