"เอก-ณกรณ์" ดัน "บอน-ซอง" ลุยธุรกิจความงาม

นายณกรณ์ กรณ์หิรัญ กรรมการที่ปรึกษา บริษัท บอน-ซอง จำกัด ผู้จำหน่ายยาและเครื่องมือแพทย์ด้านความงาม เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจหลังจากนี้จะกลับมาให้ความสำคัญกับ "ธุรกิจด้านความงาม" ภายใต้ บริษัท บอน-ซอง จำกัด ซึ่งเปิดมาแล้ว 11 ปี

หลังจากที่ผ่านมาได้ขายหุ้นธุรกิจ "คลินิก" ชื่อดังแล้วหันไปทำธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ โดยล่าสุดได้นำเข้า "ฮูเก้ล ท็อกซิน" โบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี จำหน่ายในคลินิกเสริมความงามและโรงพยาบาลความงามชั้นนำกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ได้เดินหน้าทำการตลาดโดยมุ่งสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ และเชื่อมั่นต่อแบรนด์ สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยมีนางงามระดับโลก นาตาลี เกลโบวา มาเป็นพรีเซ็นเตอร์

พร้อมอีก 4 สาวงาม ได้แก่ “พรฟ้า-ปุณิกา กุลสุนทรรัตน์” รองอันดับสองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2563 “เมย์-ณัฐพัชร พงษ์ประพันธ์” นางสาวไทย ปี 2563 “ฟิล์ม-ธัญญรัศม์ จิตประภาจิณ” มิสทิฟฟานี่ยูนิเวิร์ส ปี 2550 และ “อ๋อ-ญาดา เทพพนม” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปี 2556

ทั้งนี้ ปัจจุบันการจำหน่ายโบท็อกซ์ในคลินิกความงามและโรงพยาบาลชั้นนำ เติบโตสูง ด้วยพฤติกรรมรักสวยงามของคนไทย ผนวกกับการก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีกำลังซื้อสูงและนิยมดูแลสุขภาพ ความงามให้ดูดีอยู่เสมอ จึงเชื่อว่าจะเป็นโอกาสในตลาดดังกล่าว ตั้งเป้าหมายปีหน้ามียอดขายเติบโต 30%

“พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันแตกต่างไปจากอดีต กล่าวคือ ต้องการความชัดเจนและเห็นผลเร็ว สินค้าต้องมีคุณภาพ น่าเชื่อถือ และราคาถูกไม่ใช่ตัวแปรหลักในการซื้อเพราะผู้บริโภคเริ่มตระหนักแล้วว่าของถูกไม่ได้ดีเสมอไปแต่เชื่อมั่นว่าตลาดความงามและสุขภาพยังเป็นธุรกิจดาวรุ่งได้อย่างต่อเนื่อง เพราะคนไทยรักสวยรักงาม และความสวยจะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำงานได้”

นอกเหนือจากนี้ ยังจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ เครื่องเลเซอร์ต่างๆ ให้กับคลินิกและโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ชายและผู้หญิง ช่วยเรื่องการนอนหลับ โดยเข้าไปวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นแล้ว 5-6 รายการ

พร้อมกับผลิตและจำหน่ายหน้ากากอนามัย เจาะกลุ่มลูกค้าหน่วยงานราชการ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 เตรียมเข้าไปจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่น ปัจจุบันมียอดขายในกลุ่มดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีแผนแตกไลน์จำหน่ายขนมขบเคี้ยว รวมไปถึงเปิดศูนย์ชะลอวัยในปีหน้าอีกด้วย

นายณกรณ์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจโรงแรมนั้นปัจจุบันตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ภายใต้แบรนด์ ชาลา นัมเบอร์ ซิก เป็นโรงแรมระดับ 6-7 ดาว เน้นลูกค้าระดับบน และในพื้นที่ใกล้เคียงยังมีโรงแรมชาลา นัมเบอร์ทู เน้นลูกค้าคนไทย และบ้านเช่ารายวันสำหรับลูกค้าคนไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวเป็นกลุ่ม 6-7 คน

"ยอมรับว่าในธุรกิจดังกล่าวนี้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เล็กน้อย โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ประคับประคองดูแลพนักงาน ไม่มีการปลดคนออก พร้อมกับได้นำรายได้จากธุรกิจความงามมาช่วยพยุงธุรกิจ ทำให้ปีนี้ในภาพรวมรายได้ยังเติบโต 20-30%"