SUN การขยายธุรกิจทำให้ทั้งรายได้ และ margin เพิ่มขึ้น

SUN การขยายธุรกิจทำให้ทั้งรายได้ และ margin เพิ่มขึ้น

SUN เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวโพดหวาน และสินค้าเกษตรอื่น ๆ โดยรายได้จากยอดขายส่วนใหญ่มาจากการส่งออก (86% ในปี 2563) และตลาดส่งออกหลัก คือ ภูมิภาคเอเชีย

รายได้จากการส่งออกของ SUN เพิ่มขึ้น 36% YoY ในปี 2563 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าการส่งออกข้าวโพดหวานของไทยที่โตเพียง 9% YoY เท่านั้น ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดการส่งออกข้าวโพดหวานของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 29% ในปี2563 จาก 24% ในปี 2562 โดยส่วนแบ่งตลาดของ SUN เพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา นอกจากนี้ SUN ยังพัฒนาแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา (KC) เพื่อผลิตสินค้าพร้อมรับประทาน (RTE) สำหรับวางจำหน่ายนในร้านค้าปลีกภายในประเทศด้วย

 

การขยายกำลังการผลิต และมุ่งเน้นสินค้าที่มี margin สูงจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต

กลยุทธ์ของ SUN คือมุ่งเน้นสินค้าที่มี margin สูง ทั้งในส่วนของสินค้าในสายการผลิตเดิม และธุรกิจใหม่ รวมถึงการผลิตสินค้าโดยใช้แบรนด์ของตัวเองด้วย ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายกำลังการผลิต RTE ขึ้นอีก 140% ใน 2Q64 เพื่อให้สอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น และแผนของบริษัทที่จะออกวางจำหน่ายสินค้า RTE เพิ่มอีก 5-6 รายการในปีหน้า นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในช่วงต้นของการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรที่มีมูลค่าสูง อย่างเช่น ถั่วลายเสือ (tiger nut), ผักอินทรีย์, สมุนไพร และกัญชง ซึ่งเราคาดว่าความคืบหน้าในด้านต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นจะส่งผลดีต่อ GPM และจะเป็นปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว

 

 

คาดว่ากำไรสุทธิจะโตถึง 54% และทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2565F

เราคาดว่าผลประกอบการของ SUN จะเติบโตอย่างน่าประทับใจถึง 54% ในปี 2565F และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 288 ล้านบาท จาก i) ยอดขายที่เพิ่มขึ้น 13% YoY ii) GPM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 18.1% จาก 17.9% ในปี 2564F ซึ่งเป็นผลจาก product mix และการประหยัดต่อขนาด iii) ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง 65 ล้านบาท เพราะเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น ในแง่ของผลของค่าเงิน การอ่อนค่าลง 1 บาทของเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ จะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิราว 3% เราคาดว่ากำไรสุทธิจะโตต่อเนื่องอีก 17%ในปี 2566F เป็น 336 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 34% CAGR ในช่วงปี 2565-66F

 

Valuation & action

เราเริ่มต้นศึกษาหุ้น SUN ด้วยคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 8.40 บาท อิงจาก PER ที่ 18.8x (PER เฉลี่ยระยะยาว) ทั้งนี้ ราคาหุ้นในปัจจุบันคิดเป็น PER ปี 2565F ที่ 14.3x ซึ่งยังต่ำกว่า PER เฉลี่ยของหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตอาหารที่ 17.4x

 

Risks

อัตราแลกเปลี่ยน, ราคาวัตถุดิบ และต้นทุนค่าขนส่งแพงขึ้น, และสภาพภูมิอากาศ