อ่อนตัว เก็งกำไร BCH CHG STGT (29 พฤศจิกายน 2564)

อ่อนตัว เก็งกำไร BCH CHG STGT (29 พฤศจิกายน 2564)

คาดดัชนีฯ อ่อนตัว แนวต้าน 1619 / 1627 จุด (EMA 75 และ EMA 50 วัน) แนวรับ 1601 จุด (EMA 25 วัน) และจุดต่ำสุดเดิม 1593 จุด แนะนำเก็งกำไร BCH CHG STGT ทางเทคนิคเกิดสัญญาณขาลง (รูปแบบ Triple Top)

หลังดัชนีฯ วันศุกร์ร่วงหลุดแนวรับสำคัญ ด้วยวอลุ่มสูงขึ้น (ต่ำงชาติ กองทุน พอร์ตโบรกเกอร์ ขายหุ้น พร้อมกันมูลค่ารวมกว่า -1.27 หมื่นล้านบาท และต่างชาติเปิด Short SET50 Index Future สูงถึง 55,472 สัญญา) เป็นผลจากการเกิดภาวะ Risk-off (ขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเดินทางและท่องเที่ยว หุ้นอิงวัฏจักรเศรษฐกิจ และหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย หุ้นกลุ่มการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ ไอซีที ทดแทน)

เราคาดว่าแรงซื้อคืน หลังหุ้นร่วงแรง จะเกิดขึ้นเมื่อ 1. ตลาดเริ่มผ่อนคลายความกลัวต่อไวรัสกลายพันธุ์ 2. การเร่งคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางโลกอาจชะลอออกไป เพื่อรอความชัดเจนของการระบาดระลอกใหม่

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

      +/-การวิตกการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19: + หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์ BCH CHG IMH WINMED SMD STGT กลุ่มอื่น ๆ: SIS SYNEX DOHOME HMPRO TQM SCGP –หุ้นกลุ่มเดินทำงและท่องเที่ยว AOT AAV MINT CENTEL ERW กลุ่มบลูชิพอิงวัฏจักรเศรษฐกิจ ธนาคาร พลังงานและสาธารณูปโภค พาณิชย์ SCB KBANK PTTEP CPALL CPN CRC BJC
      +/-MSCI มีผลต่อราคาปิดในวันที่ 30 พ.ย.: +TIDLOR BEC TIPH -CPALL PTT SCC AOT BDMS ADVANC PTTEP PTTGC DTAC GULF คาดมีแรงขายเฉลี่ยรายตัวระหว่าง USD6.4mn ถึง -USD2mn และขาย TKN BEM
     +กลุ่มธุรกิจเช่าซื้อและกลุ่มยานยนต์ รับงาน Motor Expo ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. -12 ธ.ค.: TCAP TISCO KKP SAT AH
     +กลุ่มบริหารหนี้เสีย: JMT BAM CHAYO TH

 

 

ปัจจัยบวก
 

- ไทย: (+กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มเครื่องมือแพทย์ WINMED SMD STEC CK) ศบค.ชุดใหญ่มีมติอนุญาตให้นำแรงงาน 4.2 แสนคน เข้าในวันที่ 1 ธ.ค. และทยอยเปิดประเทศเพิ่มผ่านการเปิดให้เดินทางเข้าประเทศได้ทุกช่องทาง โดยให้ตรวจ ATK แทน RT-PCR พร้อมลดเวลากักตัว
- Interest Rate Risks: ความเสี่ยงของการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางโลกมีแนวโน้มปรับลดลง หากผลกระทบ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron รุนแรง

 

ปัจจัยลบ
 

 - COVID-19 กลายพันธุ์: การกังวลต่อการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 กลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ (B.1.1.529) ที่มีประสิทธิภาพหลบภูมิคุ้มกันของวัคซีน อาจเพิ่ม ความเสี่ยงเชิงลบต่อเศรษฐกิจ

 

ประเด็นที่ต้องติดตาม
 

         - ตลาดเกิดภาวะ Risk-off สินทรัพย์เสี่ยง น้ำมันดิบโลก ร่วงแรงวันศุกร์ รับข่าวพบเชื้อ COVID-19 กลายพันธุ์ใหม่ Omicron ที่ทำให้ติดเชื้อได้เร็วและรักษายาก

         - Opportunity Day: NOBLE BIZ PF GGC TK K TQM

         - USA รายงาน Pending Home Sales เดือน ต.ค. คาด 1.1% MoM (Vs เดือน ก.ย. -2.3% MoM)

         - Germany รายงาน Inflation Rate เดือน พ.ย. เบื้องต้นที่ 4.7% YoY (Vs เดือน ต.ค. 4.5% YoY)

         - EU รายงาน Consumer Confidence เดือน พ.ย. คาด -6.8 (Vs เดือน ต.ค. -4.8) Economic Sentiment เดือน พ.ย. คาด 117.5 (Vs เดือน ต.ค. 118.6)

 

 

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา
 

- ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดลบ: ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดการซื้อขายกรอบ 1608.55- 1640.91 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1610.61 จุด -37.85 จุด -2.3% วอลุ่ม 1.23 แสนล้านบาท นำลงโดยกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ -4.55% ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -3.26% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ -3.06% ธนาคาร -2.97% หุ้นปรับขึ้น>4% ได้แก่ STGT BCH SVOA WPH COMAN CPW WINMED หุ้นปรับลง >4% ได้แก่ AOT BANPU CRC BEC INTUCH BJC ONEE AMATA UBE PAF BA SIS

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปดิ่งแรงสุดรอบ 13 เดือน และ 17 เดือน: ข่าวพบเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ในแอฟริกาใต้ชื่อ Omicron ที่สามารถลดประสิทธิภาพวัคซีนและแพร่ระบาดได้เร็ว อาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ส่งผลลบต่อการดิ่งแรงของตลาดหุ้นโลก โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงสูงสุดรอบ 13 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2020 DJIA -2.53%(-905.04 จุด) S&P500 -2.27% NASDAQ -2.23% และ VIX Index พุ่งสูงสุดรอบ 2 เดือน แตะระดับ 28 จุด จากการร่วงลงของหุ้น 10 ใน 11 กลุ่ม (ยกเว้น กลุ่ม Health Care) นำลงโดยกลุ่มพลังงาน -6.3% การเงิน -5.1% ตลาดหุ้นยุโรปร่วงสูงสุดรอบ 17 เดือน นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2020 DAX -4.15% CAC40 -4.75% FTSE -3.64% นำลงโดยหุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ -8.8% กลุ่มน้ำมันและก๊าซ -5.8% ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จำก stay-at-home ปรับขึ้นสวนตลาด

+/- ราคาน้ำมันดิบดิ่งสูงสุดรอบ 19 เดือน ส่วนทองคำปิดบวกเล็กน้อย: ตลาดน้ำมันดิบดิ่งแรงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 2020 และปิดที่ระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. 2021 โดย WTI -USD10.24 -13.1% ปิดที่ USD68.15/บาร์เรล Brent -USD9.53 -11.59% ปิดที่ USD72.72/บาร์เรล คาดไวรัสใหม่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน ส่วนราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น +USD1.20 ปิดที่ USD1,785.50/ออนซ์ จากการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

 

+/-ประเด็นสำคัญ

- Fund Flow: สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง -3,045 ล้านบาท (Vs สัปดาห์ก่อน -1,983 ล้านบาท) โดยเป็นการขายสัปดาห์ที่ 4 ในรอบ 14 สัปดาห์ (ช่วง 14 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสะสมสุทธิ 4.04 หมื่นล้านบาท) ส่วนในตลาดอนุพันธ์ นักลงทุนต่างชาติ กลับมาเปิด Short SET50 Index Future สูงถึง -49,696 สัญญา หลังเปิด Long สองสัปดาห์สะสมเพียง 4,937 สัญญา (เดือน พ.ย. Short สะสม 6.38 หมื่นสัญญา)

- SET: หลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขำยระดับ 1 ช่วงวันที่ 29 พ.ย. - 7 ม.ค. ได้แก่ MACO MACO-W3 MONO UBE

 

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: AH TISCO SMT

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: BCH CHG STGT

Derivatives: แนะ wait & see จับตาการเคลื่อนไหวของ S50Z21 ในช่วงครึ่งเช้าก่อน (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)