“มนัญญา” สั่งรื้อนมโรงเรียน ดึง อ.ส.ค. ป้องเหตุเททิ้ง

“มนัญญา” สั่งรื้อนมโรงเรียน ดึง อ.ส.ค. ป้องเหตุเททิ้ง

“มนัญญา” สั่งทบทวนมาตรการนมโรงเรียน เพิ่มบทบาท อ.ส.ค.มากขึ้น อ้างหวั่นเกิดเหตุเทนมทิ้ง ลั่นงบ 1.4 หมื่นล้าน ผลประโยชน์ต้องถึงมือเกษตรกรตัวจริง

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือแก้ไขปัญหานมโรงเรียน ว่า  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยได้ดื่มนมมากขึ้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันเข้มแข็ง ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง อีกทั้งช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมให้สามารถจำหน่ายน้ำนมดิบเพิ่มขึ้น

“มนัญญา” สั่งรื้อนมโรงเรียน ดึง อ.ส.ค. ป้องเหตุเททิ้ง

 

อย่างไรก็ตามจากที่มีกระแสข่าวว่าโครงการนมโรงเรียน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการบางรายเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากโครงการนี้ ในเรื่องนี้ได้พยายามตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามข้อมูลที่มีกระแสข่าวหรือไม ซึ่งหากพบว่ามีการกอบโกยผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรายใหญ่จริงและไม่ได้มีการซื้อนมจากภาคเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมตัวจริงก็พร้อมที่จะเสนอให้มีการทบทวนเงื่อนไขโครงการนมโรงเรียน

เพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมตัวจริง ซึ่งกรณีนี้ขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทำรายละเอียด ปัญหาความเดือดร้อนเสนอต่อกระทรวงเกษตรฯ ตามลำดับขั้นตอน ผ่านกรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นอนุกรรมการจัดสรรโควตานมโรงเรียน เพื่อเสนอต่อกระทรวงเกษตรฯ และคณะกรรมการบริหารนมโรงเรียนเพื่อพิจารณา ซึ่งตนพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของสหกรณ์โคนม

 “ในเงื่อนไขการจัดสรรโควตานมโรงเรียน ได้มีการกำหนดเงื่อนไขรับซื้อนมโรงเรียนจากผู้ประกอบการโรงนมขนาดเล็ก (5 ตัน) ว่าโรงนมที่ซื้อจากเกษตรกรจริงหรือไม่ หรือบางรายมาจากการสนับสนุนของผู้ประกอบการรายใหญ่ และไม่ได้มีการซื้อนมจริง ซึ่งทั้งหมดอยากให้ช่วยกันตรวจสอบเพราะในเรื่องนมโรงเรียนที่เกิดขึ้นนั้น รัฐบาลมุ่งหวังให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ ไม่อยากให้มีใครมาเอาเปรียบเด็ก ตนพูดในฐานะคนเป็นแม่ที่เชื่อมั่นว่านมโรงเรียนต้องดีที่สุด  “    

 แต่ขณะนี้เหมือนมีใครมาเอาเปรียบเด็ก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เรื่องที่สังคมต้องช่วยกัน และนายกรัฐมนตรีเองต้องการให้โครงการอาหารเสริมนมโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพเด็กนักเรียน ขณะเดียวกันเพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมตัวจริงได้รับผลประโยชน์จากงบประมาณนมโรงเรียน 1.4 หมื่นล้านบาทด้วย”

 ทั้งนี้ ในที่ประชุม นางสาวมนัญญา ได้ให้ความเชื่อมั่นต่อสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมว่า รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือและไม่ทอดทิ้ง แต่ขอให้มีการนำเสนอข้อมูลมาตามขั้นตอนและควรมีการดำเนินการให้ทันก่อนที่จะถึงปีการศึกษา 1/2565 และเห็นว่าควรต้องมีการทบทวนบทบาทของอ.ส.ค.ที่ควรต้องเข้ามามีบทบาทในโครงการนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะหากอ.ส.ค.ไม่ช่วยรับซื้อนมก็จะมีปัญหาการเทนมทิ้งเหมือนในอดีต ในช่วงโควิดที่ผ่านมาภาคเอกชนบางรายไม่รับซื้อนมจากเกษตรกร แต่อ.ส.ค.ก็ยังทำหน้าที่รับซื้อนมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของสหกรณ์และเกษตรกร

นายสุรักษ์ นามตะ ประธานชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด กล่าวว่า จะไปรวบรวมความเห็นของสมาชิกผู้เลี้ยงโคนมนำเสนอต่อกรมปศุสัตว์เพื่อพิจารณาความเดือดร้อนครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบันอ.ส.ค. ดูแลสมาชิกโคนม 4,500 ราย ปริมาณนม 600 – 700 ตันต่อวัน หากว่าบทบาทของอ.ส.ค.ในเรื่องนมโรงเรียนน้อยลง จะส่งผลกระทบต่อการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรเช่นกัน

ยอมรับว่ากรณีโรงนมย่อยขนาดเล็กที่ปัจจุบันมีการขยายตัวตั้งเพิ่มขึ้น ภายใต้การสนับสนุนของรายใหญ่ ทำให้กระทบต่อสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมมาก การที่ นางสาวมนัญญา ออกมาพูดเรื่องการรื้อระบบนมโรงเรียน จึงเป็นความหวังของสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมทั้งหมด ทั้งนี้ ตนจะกลับไปทำความเห็นภายในต้นมกราคม 2565 เพื่อให้ทันกับช่วงเวลายื่นสิทธิ์นมโรงเรียน 1/2565 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.พ. - มี.ค. 65 เพราะไม่อยากให้เกิดภาพการนำนมโรงเรียนมาเททิ้งกลางถนนเหมือนในอดีตที่ผ่านมา