เกษตรกร โดดป้อง อ.ส.ค.ต้องร่วมโครงการนมโรงเรียน

เกษตรกร โดดป้อง อ.ส.ค.ต้องร่วมโครงการนมโรงเรียน

เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเขตภาคกลางกระโดดป้อง อ.ส.ค. หลัง สมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ ไม่เห็นด้วยให้อ.ส.ค. เข้าร่วมโครงการนมโรงเรียน ปี 2565

 นายสุรักษ์ นามตะ ประธานชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด กล่าวว่า  ตามที่มีตัวแทนสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ ไม่เห็นด้วยที่จะให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย  (อ.ส.ค.) เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ปี 2565 นั้น  นับว่าไม่เป็นธรรมกับ อ.ส.ค. อย่างยิ่ง  เพราะปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในพื้นที่ภาคกลางทั้ง 15 สหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมทั่วประเทศ ส่วนใหญ่รวบรวมน้ำนมดิบส่งขายให้กับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศ หรือ อ.ส.ค.เป็นหลัก

 

โดย อ.ส.ค.นำน้ำนมดิบไปผลิตนมพาณิชย์และนมโรงเรียน  การที่มีบางคนออกมาคัดค้านการเข้าร่วมโครงการอาหาร(นม)โรงเรียนของ อ.ส.ค.จึงถือเป็นการไม่สนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั่วเประทศแล้วยังไม่ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมมีรายได้ที่มั่นคงในอาชีพอีกด้วย  

   โดยเฉพาะปีงบประมาณ 2563/2564 นี้  อ.ส.ค.ได้ทำบันทึกข้อตกลงซื้อขายน้ำนมดิบ (MOU) กับสหกรณ์สมาชิกทั่วประเทศจำนวน 681 ตัน/วัน แต่โดยความเป็นจริงแล้วหลายคนไม่รู้ว่า อ.ส.ค.ต้องรับซื้อน้ำนมดิบเกิน MOU ประมาณ 7-10% ของทุกปี หรือคิดเป็น 20% ของน้ำนมดิบรวมทั้งประเทศ ถือเป็นหน่วยงานที่รับซื้อน้ำนมดิบ ที่ผลิตจากฟาร์มโคนมเกษตรกรมากที่สุดในประเทศไทยด้วยซ้ำ 

ปัจจุบัน อ.ส.ค.ถือเป็นหน่วยงานที่เป็นที่พึ่งของเกษตรกรเลี้ยงโคนมไม่น้อยกว่า 4,600 ฟาร์มจากประมาณ 19,200 ฟาร์มทั่วประเทศที่ส่งน้ำนมดิบขายให้กับ อ.ส.ค.ในปัจจุบัน ทำให้เกษตรกรและสหกรณ์โคนมที่เป็นเครือข่ายของ อ.ส.ค.มีการเติบโตเจริญก้าวหน้ามาตามลำดับ ส่งผลให้เกษตรกรมีความยั่งยืนและมั่นคงในการประกอบอาชีพการเลี้ยงโคนม “ 

เนื่องจาก อ.ส.คได้ทำการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมแบบครบวงจร ดูแลเกษตรกร ให้คำแนะนำ ในการเลี้ยงการจัดการ และรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร สร้างความมั่นใจให้เกษตรกรได้มาก ทั้งยังแปรรูปน้ำนมดิบเป็นผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ตรา "วัวแดง" ออกจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคเป็นอย่างดี ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมทุกชนิด ซึ่งผ่านกระบวนการผลิตจากโรงงานที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

 

จึงถือได้ว่า อ.ส.ค. เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องอยู่คู่กับเกษตรกรเลี้ยงโคนมของประเทศต่อไป ถึงแม้จะไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมโดยตรงจากรัฐบาลก็ตาม แต่ด้วยภารกิจหน้าที่ที่ต้องดูแลเกษตรกรและต้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม ซึ่งมีการแข่งขันรุนแรงในตลาดมาเป็นรายได้ เพื่อทำงานด้านส่งเสริม จึงขอให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับหน่วยงานที่ดูแลส่งเสริมอาชีพให้กับเกษตรกร ความเป็นธรรมและสิทธิที่พึงได้ให้กับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ส่งเสริมและดำเนินธุรกิจ เพื่อดูแลเกษตรกรด้วย 

 “จากรณีที่มีการกล่าวถึงบทบาท อ.ส.ค. กับการทำธุรกิจด้านตลาดผลิตภัณฑ์นมว่า อ.ส.ค.มาทุ่มตลาดนมโรงเรียนในปีนี้ โดยขอให้ อ.ส.ค.ทบทวนบทบาทในการดำเนินงานด้านตลาดผลิตภัณฑ์นม กระผมคิดว่าเป็นคำกล่าวที่คิดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวของผู้กล่าวอ้างเป็นการสร้างกระแสข่าวต่อสาธารณะทำนองว่า อ.ส.ค.ขาดความชอบธรรมหรืออ้างถึงหลักธรรมาภิบาลในการยื่นขอรับสิทธิโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียน” 

 ในฐานะประธานชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด ซึ่งติดตามการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนมาโดยตลอด เห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีด้วยและมีเจตนารมณ์ให้ เด็กๆได้ดื่มนมโคสดแท้100%ไม่ผสมนมผง ทำให้มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรงควบคู่ไปกับ เกษตรกรสามารถส่งน้ำนมดิบได้ และมีตลาดรองรับที่แน่นอน แต่ปรากฏว่า การบริหารจัดการโครงการฯ เกษตรกรไม่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการฯ นี้ตามที่ควรจะเป็น เนื่องจากมีการแย่งชิงโควต้าเพื่อให้ได้สิทธิเข้ามาดำเนินการในโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนของผู้ประกอบการ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อเกษตรกรโดยตรง”  นายสุรักษ์  กล่าวย้ำ 

ด้านนายสมาน เหล็งหวาน  ผู้นำเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า   ที่ผ่านมามีเอกชนหรือผู้ประกอบการนมโรงเรียนบางกลุ่ม  ไม่ได้ให้ความสำคัญกับหน่วยงานภาครัฐที่ดูแล รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรเป็นจำนวนมากในแต่ละปีอย่าง  เช่น อ.ส.ค. ตามสัดส่วนที่ควรจะได้

โดยอ้างว่าอ.ส.ค.เป็นองค์กรของรัฐ ไม่ควรมาทำโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียน แข่งขันกับภาคเอกชนเหตุผลที่กล่าวอ้างที่ไม่สมเหตุสมผล เนื่องจาก อ.ส.ค.ต้องดูแลเกษตรกรและรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรโดยตรงไม่น้อยกว่า 700 ตัน/วัน ซึ่งเป็นน้ำนมโคสดแท้จากเกษตรกรไทย จึงควรได้รับการจัดสรรสิทธิตามหลักเกณฑ์ด้วยความเป็นธรรมเป็นไปตามเจตนารมณ์ของโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียน ทั้งนี้การปฏิบัติตามโครงการฯ ที่ผ่านมายังไม่เป็นธรรมกับ อ.ส.ค.เป็นอย่างมาก 

 “อยากเรียกร้องให้รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนในภาคเรียนปีต่อไป ได้พิจารณาทบทวนโดยเฉพาะการจัดสรรสิทธิโควตาทำนมโรงเรียนให้เน้นไปที่ สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร หรือ หน่วยงานที่รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรด้วยความเป็นธรรม ดูแลงานส่งเสริมเกษตรกร มีโรงงานผลิตนมที่ได้มาตรฐาน รับซื้อน้ำนมที่มีคุณภาพตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัดมาผลิตเป็นนมโรงเรียนเพื่อให้นักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ “

การออกมาเรียกร้องของชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัดในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการเอาเปรียบคนอื่น เพียงแต่ขอให้ผู้มีอำนาจจัดสรรสิทธิโควตานมโรงเรียนด้วยความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่เป็นธรรมที่สุดไม่ต้องสนใจความคิดเห็นของคนบางคนที่พยายามสร้างกระแส เพื่อกดดันรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง

โดยเห็นควรให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกระบวนการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม(นม) โรงเรียน อย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนกล่าวคือให้เกิดประโยชน์กับนักเรียน จะได้ดื่มนมโรงเรียนที่มีคุณภาพ และดูแลเกษตรกรไทยได้มีอาชีพการเลี้ยงโคนมที่มั่งคงและยั่งยืนต่อไป” นายสมาน กล่าว