"หอการค้า" ชู "connect the dots" ร่วมมือสร้างโอกาส ฝ่าวิกฤติโควิด

"หอการค้า" ชู "connect the dots" ร่วมมือสร้างโอกาส ฝ่าวิกฤติโควิด

หอการค้าไทยจัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 ในหัวข้อ "Connect the Dots : Design the Future" ชูความร่วมมือรัฐ เอกชน ประชาชน พาไทยฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ ย้ำไทยรีบปรับตัวรับโอกาสใหม่ทั้งการท่องเที่ยว และลงทุน เร่งสร้างความเชื่อมั่นนานาชาติบนเวทีเอเปค

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ปาฐกฤา เรื่อง "Connect the Dots : Design the Future รวมพลัง สร้างสรรค์อนาคต" ในงานสัมมนาหอการค้า ทั่วประเทศครั้งที่ 39 ว่า การ Connect the dots เป็นแนวทางการแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 ด้วยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ให้เกิดการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ โดยให้เกิดความร่วมมือ 3 ด้าน ดังนี้ 

1.เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนเกิน 70% ของประชากรทั้งประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ 
2.เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยด้วย Digital Transformation เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยหอการค้าร่วมมือกับธนาคารออมสิน ปล่อยเงินกู้ให้สมาชิกสภาหอการค้า รวมวงเงิน 10,000 ล้านบาท ถึงสิ้นเดือนธ.ค. 2564 นอกจากนี้ จะมีการใช้แพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่น TCC Connect ให้เป็นประโยชน์ต่อการสมาชิก
3.แก้ไขกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวก ลดอุปสรรคให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น อาทิ การปรับปรุง พ.ร.บ.โรงแรม เรื่องการออกใบอนุญาตและการใช้งานอาคาร ลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ไม่จำเป็น เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสการปรับตัวในสภาวะวิกฤติให้พร้อมกับอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป ในด้านการค้าการลงทุน ประเทศไทยยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะต้องมีการใช้ข้อตกลงอาร์เซ็ป (RCEP) ที่ไทยเป็นหนึ่งในภาคี ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด รวมถึงการตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มประเทศ CPTPP 

อีกทั้งการส่งเสริมขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ และการค้าชายแดนและข้ามแดนของไทยยังเติบโตได้อีกมาก ซึ่งในในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 12-14% จากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

ด้านโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นจากนานาชาติบนเวทีการประชุมเอเปคปี 2565 (APEC) ที่ ไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน CEO summit ประชุมผู้นำโลกจาก 21 เขตเศรษฐกิจ เป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจในการเชื่อมต่อกับนานาชาติที่จะเดินทางเข้ามา 

โอกาสด้านการท่องเที่ยวที่จะเปลี่ยนไป เมื่อรูปแบบการทำงาน workation ที่ทำให้เกิดการท่องเที่ยวแบบทุกเวลาและทุกสถานที่ และเมื่อไทยเปิดประเทศแล้วตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 300,000 คนต่อเดือนในเดือนพ.ย.และธ.ค.นี้ และคาดว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาถึง 10 ล้านคนในปีหน้า ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ได้หรือไม่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนด้วยการลดอุปสรรคการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว ให้ความสะดวกตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงการให้บริการที่ดีและปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว รวมกับการท่องเที่ยวในประเทศปีที่ผ่านมามีความคึกคักมากขึ้น จึงคาดว่า GDP ในปี 2564 จะโต 1.5% 

ด้านโอกาสในการจับจ่ายใช้สอยและจ้างงานในประเทศ โดยรัฐบาลได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นต้น โดยหอการค้าฯ ได้เสนอให้นำโครงการช็อปดีมีคืนกลับมาในสิ้นปีนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย 

ทั้งนี้ เทคโนโลยีได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนไปจากเดิม ทำให้เกิด Internet of Everything เป็นดความท้าทายในการใช้จ่ายและการจ้างงานในอนาคต ที่จะต้องมีการเรียนรู้ ปรับทัศนคติในการใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการทำงานและขับเคลื่อนประเทศ