พลังงานเร่งถกคลังลด ’ภาษี’ ตรึงราคาดีเซล

กระทรวงพลังงานเดินหน้าหารือคลังลดภาษีสรรพสามิตนำมัน กดดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท เล็งลดสัดส่วนผสมน้ำมัน B7 ช่วยอีกทาง ส่วนเงินกู้ 2 หมื่นล้าน คาดได้ก้อนแรกเม.ย. หากไม่ทันดึงเงินกรมบัญชีกลาง 3-4 หมื่นล้านใช้ตรึงก่อน

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงงานแจ้งว่า กระทรวงพลังงานเริ่มเจรจากับกรมสรรพสามิต เพื่อเตรียมพร้อมแนวทางปรับลดภาษีน้ำมันลงบางส่วน จากปัจจุบันจัดเก็บอยู่ 5 บาท/ลิตร โดยหากราคาน้ำมันโลกยังปรับตัวสูงขึ้นและส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลแพงเกิน 30 บาท/ลิตร อาจต้องเริ่มพิจารณาการลดภาษีน้ำมันลงบางส่วน โดยต้องรอให้ปลัดกระทรวงพลังงานและรัฐมนตรีของกระทรวงพลังงานหารือกับกระทรวงการคลังอีกครั้ง

ส่วนแนวทางการดูแลราคาน้ำมันดีเซลด้านอื่นๆ จะหารือกับกรมธุรกิจพลังงานและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางปรับลดสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (B100) ในน้ำมันดีเซล B7 ลง เนื่องจากขณะนี้ราคา B100 แพงมากอยู่ระดับ 47.11 บาท/ลิตร ซึ่งเท่ากับเป็นต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลประมาณ 3-4 บาทต่อลิตร เพราะราคาผลปาลม์ดิบที่นำมาผลิต B100 ราคาเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น หากปรับลดสัดส่วนการผสมลงได้จะช่วยบรรเทาผลกระทบราคาดีเซลลงได้เช่นกัน และให้ผู้ประกอบการหันไปส่งออก B100 แทน เนื่องจากราคาตลาดโลกอยู่ในระดับสูง ผู้ค้าจะได้กำไรมากกว่าส่งขายในประเทศ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาผลดีและผลเสียที่จะเกิดกับเกษตรกรด้วยจึงยังไม่ได้ข้อสรุป

ส่วนกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติอนุมัติสำหรับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรแล้ว จากนี้กระทรวงพลังงานจะเริ่มเจรจาและส่งเอกสารการกู้เงินกับสถานบันการเงิน คาดว่าจะได้รับเงินเข้ากองทุนฯประมาณเดือนเม.ย.-พ.ค. 2565 โดยระหว่างนี้กระทรวงพลังงานยังมีเงินเหลืออยู่ 4,515 ล้านบาท เชื่อว่าจะดูแลราคาดีเซลและราคาก๊าซหุงต้ม ได้ถึงสิ้นเดือน ธ.ค. 2564 นี้ แต่หากราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นสูงกว่านี้ ทางสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) อาจต้องดึงเงินที่อยู่ในกรมบัญชีกลาง 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ยังไม่ถึงกำหนดการชำระหนี้ แต่เตรียมไว้สำหรับชำระหนี้โรงกลั่นน้ำมันหรือเจ้าหนี้รายอื่นๆ เพื่อนำมาหมุนเวียนก่อนจนกว่าเงินกู้จะเข้ามาในกองทุนฯ