อาจผันผวนสั้นจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ แต่ลุ้นไทยถูก MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนัก

อาจผันผวนสั้นจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ แต่ลุ้นไทยถูก MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนัก

ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐ วันนี้และการปรับน้ำหนัก MSCI ปลายสัปดาห์ บรรยากาศลงทุนโดยรวมยังเป็นบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต.ค.64 ที่ตลาดคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นเป็น 5.9% (เทียบกับก.ย.ที่ 5.4%) จากการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าบ้านและราคารถยนต์มือสอง อาจทำให้จิตวิทยาการลงทุนระยะสั้นผันผวนบ้าง แต่เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางของเงินทุนระยะสั้น และประเมินมีความเป็นไปได้ที่หุ้นไทยจะถูกปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน MSCI rebalancing รอบวันที่ 11 พ.ย.นี้ หลังหุ้นจีนและฮ่องกงปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมาทำให้น้ำหนักการลงทุนสัมพัทธ์มีโอกาสถูกปรับลง และ MSCI อาจเพิ่มน้ำหนักให้กับประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึงไทย

คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% เราคาดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% โดยเราไม่เห็นความจำเป็นของการลดดอกเบี้ย เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวเหมาะกับนโยบายด้านการคลังมากกว่าการเงิน ขณะเดียวกันแรงกดดันเงินเฟ้อที่จะทยอยปรับเพิ่มขึ้น ทำให้เรามองกนง.จะเพียงตรึงดอกเบี้ย แต่มีโอกาสส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่จะเริ่มเปลี่ยนไปจากภาคการผลิตและจากเศรษฐกิจภายยอก มายังภาคบริการและการบริโภคภายในประเทศ // การคงดอกเบี้ยนโยบายและผลตอบแทนพันธบัตรที่ขยับลง อาจทำให้มีแรงขายทำกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามยังมองเป็ฯโอกาสทยอยสะสมรับการฟื้นตัวของการบริโภค ซึ่งจะบวกต่อหุ้นธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์และกองรีทส์, ค้าปลีก, สื่อสาร, ร.พ.ที่รับผู้ป่วยต่างชาติขณะข่าวยารักษาโควิดอาจทำให้หุ้นท่องเที่ยว มีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้นได้ดี
 

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) พลังงานทดแทนและรถไฟฟ้ารับ COP26 ดีกับ EA, NEX, SUPER 2) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP 3) ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, BLA, TIPH, THRE (แต่อาจต้องระวังการเคลมประกันโควิด) 4) หุ้นธีมเปิดเมือง CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 5) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ได้แก่ SPALI, QH, PSH, ORI, LPN, LH, AP (ตามลำดับ) 7) เก็งกำไรทางเทคนิค EGCO, GPSC, GULF, BGRIM, CBG, PM, SGF, SIS, SYNEX, IT, SVOA, MFEC, SECURE, IRCP, BCH, CHG, BDMS, FORTH, PACO, PLANB, SHR, TR, ETC, BOL

ภาพรวมกลยุทธ์: ผันผวนระยะสั้น แต่ยังลุ้นสัปดาห์นี้ยืน 1,630 จุด เพื่อฟื้นตัวกลับไปเล่นในกรอบบน หรือทดสอบ 1,650-1,660 จุด กลยุทธ์เก็งกำไรรายตัว ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ //หุ้นแนะนำ: ADVANC*, FSMART*, MAKRO*, SFT*

แนวรับ: 1,622 / แนวต้าน : 1,635-1,650 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

 

ประเด็นการลงทุน
 

ครม.เคาะ 500 ล้านซื้อโมลนูฯ – ครม.อนุมัติงบกลาง 1.3 พันล้านรับมือโควิด แบ่ง 500 ล้านบาทซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ 2 ล้านเม็ด ลุ้นครม.เคาะรับบริจาควัคซีนโมเดอร์นา 1 ล้านโดสเดือนนี้

EV ภาษีนำเข้า 0% แลกขึ้นไลน์ผลิตในไทย - การคลังเตรียมปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่เริ่มใช้ในปี พ.ศ.2569 ด้านบอร์ดอีวีเล็งลดภาษีนำเข้า EV จากต่างประเทศเหลือ 0% แต่บริษัทนั้นต้องมีแผนประกอบในประเทศภายใน 3 ปี 

แหลมฉบังเฟส 3 เริ่มก่อสร้างปี 2566 หนุนรายได้ 8 พันล. - ครม.รับทราบกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC คว้าท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 คาดเซ็นสัญญาและทยอยก่อสร้างท่าเทียบเรือในปี 2566

ตลท.รื้อเกณฑ์คำนวณ SET Index - ตลท.ปรับเกณฑ์จัดทำดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งสภาพคล่อง Free Float เริ่มปลายปี 64 โบรกชี้ส่งผลให้ดัชนี SET50 และ SET100 มีเสถียรภาพ หุ้นใหญ่ Free Float น้อย มีโอกาสฟื้นตัว

AIE – เตรียมย้ายเข้าซื้อขายใน SET (จาก mai) ในวันที่ 11 พ.ย.นี้

ประเด็นติดตาม: -   10 พ.ย. – TH: ประชุม กนง. / 11 พ.ย. – TH: MSCI Rebalancing

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)