โควิดฉุดจัดสรรที่ดินใน3จังหวัดอีอีซีร่วง!

โควิดฉุดจัดสรรที่ดินใน3จังหวัดอีอีซีร่วง!

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุ โควิดกระทบตลาดที่อยู่อาศัยใน3จังหวัดอีอีซี ครึ่งแรกปี64การออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินลดลงทั้งจำนวนโครงการและจำนวนหน่วย

 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้จัดทำรายงานสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยใน พื้นที่ 3 จังหวัด (ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง) เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) พบว่าในไตรมาส 2 ปี 2564 มีการชะลอตัวของทางด้านอุปทาน โดยการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ลดลง1.3 % แต่ด้านการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น38.3 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

แต่เป็นการเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำมากในไตรมาส 2 ปี 2563 ซึ่งเป็นระยะแรกของการเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด -19  (ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 มีการออกใบอนุญาตจัดสรรต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ลดลงถึง52.8% หรือที่เคยอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 5,700 หน่วยต่อไตรมาส) ด้านอุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยที่สะท้อนกำลังซื้อที่อยู่อาศัยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยจำนวนหน่วยลดลง10.4% และมูลค่าลดลง8 %

โควิดฉุดจัดสรรที่ดินใน3จังหวัดอีอีซีร่วง!

    ด้านภาพรวมสถานการณ์ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ถึงสองระลอก ส่งผลให้ทั้งอุปทานและอุปสงค์ของตลาดที่อยู่อาศัยหดตัวลง โดยอุปทานการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินลดลงทั้งจำนวนโครงการและจำนวนหน่วยลดลง 22.8 %และ15.7% ตามลำดับ แต่ด้านการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยปรับตัวเพิ่มขึ้น7.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำมากในช่วงที่ไม่ปกติ 
 

ส่วนด้านอุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยจำนวนหน่วยลดลง21.9% และมูลค่าลดลง18.1% ตามลำดับ

โควิดฉุดจัดสรรที่ดินใน3จังหวัดอีอีซีร่วง!
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 มีโครงการที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินจากกรมที่ดินจำนวน  71 โครงการ 7,090 หน่วย ลดลงทั้งจำนวนโครงการและจำนวนหน่วย โดยลดลง22.8%  และ 15.7 %ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมี  92  โครงการ  8,409 หน่วย ในจำนวน 7,090 หน่วย โดยส่วนใหญ่ใบอนุญาตจัดสรรที่ดินเป็นทาวน์เฮ้าส์มากที่สุด จำนวน  3,682 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 51.9% ของจำนวนการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั้งหมด รองลงมาเป็นบ้านแฝดจำนวน  1,676 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน23.6% และบ้านเดี่ยวจำนวน  1,667 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 23.5 %ส่วนที่เหลือเป็น อาคารพาณิชย์ และที่ดินจัดสรร ตามลำดับ 

     เมื่อพิจารณารายจังหวัดในพื้นที่อีอีซี ในครึ่งแรกปี 2564 จังหวัดที่มีการออกใบอนุญาตจัดสรรมากที่สุด เรียงลำดับได้ดังนี้
    อันดับ 1 จังหวัดชลบุรี มีจำนวน 3,704 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 52.2% ของการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินทั้งหมด และมีการออกใบอนุญาตจัดสรรเพิ่มขึ้น 9.2 %
    อันดับ 2 จังหวัดระยอง มีจำนวน 2,782 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน39.2 %มีการออกใบอนุญาตจัดสรรลดลง7.3 %
    อันดับ 3 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีจำนวน 604 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 8.5% มีการออกใบอนุญาตจัดสรรลดลงมากถึง70%
 

ด้านการออกใบอนุญาตก่อสร้าง พบว่าครึ่งแรกปี 2564 มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยใน 3 จังหวัด อีอีซี ทั้งที่เป็นบ้านที่ประชาชนสร้างเอง บ้านในโครงการจัดสรร และอาคารชุด มีจำนวนประมาณ  17,049 หน่วย เพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 แบ่งออกเป็นการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวราบจำนวนประมาณ 13,895  หน่วย และอาคารชุด จำนวนประมาณ 3,154  หน่วย ซึ่งที่อยู่อาศัยแนวราบมีการออกใบอนุญาตลดลง1.8% แต่อาคารชุดมีการออกใบอนุญาตก่อสร้างเพิ่มขึ้นมากถึง 78.9% เมื่อเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563  

โควิดฉุดจัดสรรที่ดินใน3จังหวัดอีอีซีร่วง!

    เมื่อพิจารณารายจังหวัดในพื้นที่อีอีซีในครึ่งแรกปี 2564  จังหวัดที่มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยมากที่สุด เรียงลำดับได้ดังนี้


    อันดับ 1 จังหวัดชลบุรี มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยประมาณ 10,389 หน่วยคิดเป็นสัดส่วน60.9% ของการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั้งหมด 
    อันดับ 2 จังหวัดระยอง มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยประมาณ 3,722 หน่วยคิดเป็นสัดส่วน 21.8% ของการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั้งหมด 
    อันดับ 3 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยประมาณ 2,938 หน่วยคิดเป็นสัดส่วน 17.2% ของการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยทั้งหมด 
     
    ด้านการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ในช่วงครึ่งแรกปี 2564 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยใน 3 จังหวัด อีอีซีจำนวน 16,045 หน่วย  มีมูลค่า 37,855 ล้านบาท จำนวนหน่วยและมูลค่าลดลง21.9% และ18.1% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 มีจำนวน 20,550 หน่วย และมูลค่า 46,209 ล้านบาท 


    เมื่อพิจารณารายจังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมากที่สุด โดยเรียงตามมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์เรียงลำดับได้ดังนี้


    อันดับ 1 จังหวัดชลบุรี มีจำนวน 12,489 หน่วย ลดลง5.3 %และมีมูลค่า 30,436 ล้านบาท ลดลง3.6 %

    อันดับ 2 จังหวัดระยอง มีจำนวน 2,794 หน่วย ลดลง47.5 %และมีมูลค่า 5,874 ล้านบาท ลดลง43.8 %
    อันดับ 3 จังหวัดฉะเชิงเทรา มีจำนวน 762 หน่วย ลดลง62.6 % และมีมูลค่า 1,545  ล้านบาท ลดลง63.1% 

    โดยทาง ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมินสถานการณ์ภาพรวมปี 2564 โดยประมาณการในด้านอุปทานการขอใบอนุญาตจัดสรรที่ดินในปี 2564 จะมีอัตราขยายตัวลดลง 17.5 ถึง 0.8% การขอใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยจะมีอัตราขยายตัวลดลง 9.2 ถึง 11.0 %ส่วนด้านอุปสงค์ในปี 2564 คาดการณ์ว่า หน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจะมีอัตราขยายตัวลดลง 37.8 ถึง -24%  แต่จำนวนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยคาดว่าจะมีอัตราขยายตัว9.5 ถึง 33.8 %เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยต่อหน่วยปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2563