"แอตต้า" ดึงยุโรป-สหรัฐฟื้นท่องเที่ยว รอจีนไฟเขียวเดินทางต่างประเทศ

"แอตต้า" ดึงยุโรป-สหรัฐฟื้นท่องเที่ยว รอจีนไฟเขียวเดินทางต่างประเทศ

“แอตต้า” ชี้แนวโน้มท่องเที่ยวไทยรอตลาดหลัก “นักท่องเที่ยวจีน” ยาวอีกอย่างน้อย 1 ปี คาดปลายปี 2565 ทางการจีนอาจแง้มประตูเปิดให้เดินทาง แม้รัฐบาลไทยเพิ่งประกาศให้จีนเป็นหนึ่งใน 46 ประเทศความเสี่ยงต่ำ แต่นโยบายแดนมังกรยังเข้มจัด สกัดการระบาดซ้ำของโควิด-19

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า แม้ว่าศูนย์ปฏิบัติการมาตรการการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศ (ศปก.กต.) ได้ประกาศรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ 46 ประเทศที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้แบบไม่ต้องกักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ เริ่มวันที่ 1 พ.ย.นี้ หนึ่งในนั้นมีประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยเมื่อปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 11 ล้านคน ครองสัดส่วนราว 27% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมเกือบ 40 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 5.43 แสนล้านบาท

แต่จากการประเมินของสมาคมฯหลังได้พูดคุยกับคู่ค้าในประเทศจีนแล้ว มองว่าทางการจีนน่าจะใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 ปีนับจากนี้หรือตรงกับช่วงปลายปี 2565 กว่าจะอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยระหว่าง 1 ปีนี้มีอีเวนต์ใหญ่ 2 งาน อย่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง และการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่นครหางโจว เป็นบททดสอบการเปิดให้คนเข้าออกประเทศจีน

“ชาวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศช่วงนี้จะเป็นกลุ่มนักธุรกิจหรือผู้ที่มีความจำเป็นในการทำธุระเท่านั้น เพราะเมื่อเดินทางกลับประเทศจีน จะต้องเข้ารับการกักตัวอย่างน้อย 21 วัน แบ่งเป็น 14 วันแรกเข้ารับการกักตัวในสถานกักกันที่รัฐกำหนด จากนั้นอีก 7 วันหลังให้กักตัวดูอาการอยู่ที่บ้าน ทั้งนี้ขึ้นกับข้อกำหนดของแต่ละเมืองด้วยว่ากำหนดไว้ที่กี่วัน บางเมืองกำหนดให้กักตัวนานถึง 28 วัน จึงเป็นเรื่องยากมากที่ชาวจีนจะออกมาเที่ยวประเทศไทยในช่วงนี้ แม้รัฐบาลไทยได้ประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย.2564 ก็ตาม”

อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังจำเป็นต้องเร่งสื่อสารและสานสัมพันธ์ทางการทูต เพื่อแสดงความจริงใจในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง

เมื่อนักท่องเที่ยวเอเชียซึ่งเป็นฐานตลาดหลักของภาคท่องเที่ยวไทยในภาวะปกติ มีแนวโน้มฟื้นตัวค่อนข้างช้า ทำให้ตลาดที่เป็นความหวังในช่วง 1 ปีนับจากนี้ คือตลาดยุโรป เช่น อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย รวมถึงตลาดสหรัฐ และตลาดตะวันออกกลาง ส่วนตลาดอินเดียและรัสเซียที่ยังไม่มีชื่อปรากฏอยู่ในรายชื่อ 46 ประเทศความเสี่ยงต่ำ ยังต้องติดตามว่ารัฐบาลไทยจะคลายล็อก ประกาศให้เป็นประเทศที่สามารถเดินทางมาเที่ยวไทยแบบไม่กักตัวในรอบการรีวิวครั้งถัดไปได้หรือไม่

นายศิษฎิวัชร กล่าวเพิ่มเติมว่า วานนี้ (26 ต.ค.) สมาคมฯได้เข้าร่วมประชุมเรื่องการเตรียมความพร้อมเปิดเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุม โดยสมาคมฯได้แสดงความคิดเห็นว่าต้องการให้ กทม.สื่อสารไปยังประชาชนว่าหลังจากรัฐบาลคลายล็อกแล้ว สิ่งสำคัญคือการ์ดต้องไม่ตก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำของโรคโควิด-19 เป็นวงกว้างอีกครั้ง ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของประชาชนเอง ขณะเดียวกันจะได้ไม่เป็นอุปสรรคในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกด้วย เพราะสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทั้งในกรุงเทพฯและประเทศไทยยังเป็นปัจจัยที่นักท่องเที่ยวต่างชาติพิจารณาว่าจะมาเที่ยวไทยหรือไม่

“หากเป็นไปได้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันเร่งกดตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทยให้น้อยลงเหลือสักระดับ 10% ของยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในปัจจุบันที่มีประมาณ 9,000-10,000 คนต่อวัน หรือประมาณ 1,000 คนต่อวันให้ได้ภายในเร็วๆ นี้ ควบคู่กับการเร่งฉีดวัคซีนแก่คนไทยทั้งประเทศให้ถึง 70-80% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในการมาเที่ยวไทยมากยิ่งขึ้น” นายกแอตต้ากล่าว