BFIT ไตรมาส 3/64 กำไร 218.73 ล้านบาท ลดลง 50% จากปีก่อน

BFIT ไตรมาส 3/64 กำไร 218.73 ล้านบาท ลดลง 50% จากปีก่อน

BFIT แจ้งกำไรไตรมาส 3/64 กำไร 218.73 ล้านบาท ลดลง 49.29% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุรายได้ดอกเบี้ยลดลง 588.33 ล้านบาท ตามการลดลงของสินเชื่อ

นายธิติธรรม โรจนพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT เปิดเผยว่า บริษัทขอนำส่งแบบงบแสดงฐานะการเงิน และงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2564 ซึ่งผู้สอบบัญชียังมิได้ตรวจสอบผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2 564 ปรากฎตามงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จมีกำไรสุทธิ 218.73 ล้านบาท ลดลง 212.63 ล้านบาทหรือลดลง 49.29% เมื่อเปรียบเทียบกับผลกำไรช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 431.36 ล้านบาท ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1. การลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 542.89 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจำนวน 588.33 ล้านบาท และการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจำนวน 45.44 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

การลดลงของรายได้ดอกเบี้ย จำนวน 588.33 ล้านบาท เกิดจาก

- การลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อจำนวน 587.00 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการลดลงของเงินให้สินเชื่อ

- การเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงิน (Repo) จำนวน 1.15 ล้านบาท
ซึ่งเป็นผลมาจากขนาดการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2563

- การลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินลงทุนในตราสารหนี้จำนวน 1.59 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทไม่มีการลงทุนเพิ่มในตราสารหนี้นับตั้งแต่ปี 2563

การลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย จำนวน 45.44 ล้านบาท เกิดจาก

- การลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากเงินรับฝากจำนวน 25.39 ล้านบาทหรือลดลง 81.23% ซึ่งสอดคล้องกับการลดลงของเงินรับฝากจาก 5,490.68 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2563 เป็น 359.71 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2564

- การลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากเงินนำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากและกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจำนวน 3.85 ล้านบาท ซึ่งแปรผันตามการลดลงของสัดส่วนเงินรับฝาก และเงินกู้ยืม และมาตรการของรัฐบาล

- การลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืมจำนวน 16.01 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการจ่ายคืนเงินกู้ยืมเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัททั้งหมดในระหว่างปี 2563 หรือคิดเป็นการ
ลดลง 100.00%

- การลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของหนี้สินตามสัญญาเช่าจำนวน 0.18 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตาม
มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า

2. การลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมอื่นๆ จำนวน 6.25 ล้านบาท

3. การลดลงของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุนจำนวน 40.82 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของกำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวน 55.04 ล้านบาท ขณะที่การวัดมูลค่าเงินลงทุนตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 เพิ่มขึ้นจำนวน 14.22 ล้านบาท

4. การลดลงของรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ จำนวน 18.29 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้หนี้สูญได้รับคืนในไตรมาส 3 ปี 2564

5. การลดลงของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ จำนวน 328.77 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลง ของค่าบริหารจัดการสินเชื่อตามการลดลงของเงินให้สินเชื่อ

6. การลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาคว่าจะเกิดขึ้น จำนวน 15.15 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการกันสำรองตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9

7. การลดลงของค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้จำนวน 51.69 ล้านบาท ซึ่งแปรผันตามการลดลงของกำไรจากการดำเนินงานก่อนภาษีเงินได้

โดยสรุปกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2 564 ตามงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จมีจำนวน 218.73 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.40 บาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 0.78 บาท ในไตรมาสเดียวกันของปี 2563 บริษัทมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมจำนวน 218.73 ล้านบาท ขณะที่กำไรเบ็ดเสร็จรวมของไตรมาสเดียวกันของปี 2563 มีจำนวน 432.23 ล้านบาท