ยังเน้นเก็งกำไรรายตัว ช่วงสั้นการแพทย์บวก ขณะระวังประกันภัยบ้าง

ยังเน้นเก็งกำไรรายตัว ช่วงสั้นการแพทย์บวก ขณะระวังประกันภัยบ้าง

ภาพรวมการประกาศงบกลุ่มธนาคารค่อนข้างเป็นไปตามคาดและแนวโน้มตั้งสำรองลดลง กลุ่มธนาคารใหญ่อย่าง TTB และ KTB รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/64 ใกล้เคียงที่คาดการณ์

แม้ลดลง QoQ แต่เพิ่มขึ้น 46% YoY และ 65% YoY ตามลำดับ ภาพรวมการฟื้นตัวมาจากการตั้งสำรองที่ลดลง ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวยังดำเนินต่อเนื่องไปในไตรมาส 4/64 ขณะที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 แม้จะอ่อนตัวลงและเป็นจุดต่ำสุดของปี แต่ก็จะเห็นสัญญาณของการตั้งสำรองที่ทยอยลดลง และแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2565 โดยรวมคาดจะเห็นการกลับมาเติบโตของกำไรสุทธิ อย่างไรก็ตามหุ้นธนาคารคาดทรงตัว หลังราคาช่วงที่ผ่านมาขึ้นตอบรับประเด็นการปรับโครงสร้างธุรกิจ (transformation) ที่เริ่มโดย SCB ไปพอสมควรแล้ว //สัปดาห์หน้าติดตามการประกาศงบของ SCGP, SCC, PTTEP

 

ประเมินหุ้นที่มีผลจากโควิด กลุ่มการแพทย์และประกัน 1) กลุ่มการแพทย์ อาจเห็นแรงเก็งกำไรระยะสั้น สถานการณ์โควิดทำให้หุ้นกลุ่มการแพทย์ที่เน้นผู้ป่วยในประเทศ และมีการจัดตั้งร.พ.สนาม หรือการดูแลผู้ป่วยแบบ home isolation จะได้รับผลตอบแทนที่เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการไตรมาส 3/64 ที่น่าจะเป็นจุดสูงสุดของปี อาทิ BCH, CHG ซึ่งอาจทำให้หุ้นฟื้นตัวตอบรับปัจจัยดังกล่าวหลังราคาหุ้นปรับลดลง 25-30% จากจุดสูงสุด อย่างไรก็ตามเรามองเป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น ก่อนประกาศผลประกอบการเท่านั้น เนื่องจากแนวโน้มกำไรมีโอกาสปรับฐานลดลงต่อเนื่องหลายไตรมาสเพื่อเข้าสู่ปกติ (normalization)  2) กลุ่มประกันภัย โอกาสปิดกิจการไม่สูงมากนัก เพราะส่วนใหญ่มีเงินกองทุน (CAR) เกิน 200% แต่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายเคลมประกันโควิด ที่กระทบต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 ทำให้อาจลดน้ำหนักการลงทุน เพื่อรอประเมินผลกระทบหลังประกาศงบ 
 

 

3) กลุ่มนายหน้าประกันภัย ช่วงสั้นเป็นบวก เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากการเคลมประกัน อย่างไรก็ตามระยะยาวมีโอกาสเป็นลบ หากบริษัทประกันภัยที่ถูกสั่งปิดหรือกำลังมีปัญหาเป็นลูกค้าของบริษัท ดังนั้นนักลงทุนควรติดตามข้อมูลใกล้ชิด หรือใช้จังหวะที่หุ้นปรับตัวขึ้นในการพิจารณาลดน้ำหนัก

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP, BANPU 2) การเพิ่มเพดานหนี้เป็น 70% และแผนกู้เงินเพิ่ม จะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, BLA, TIPH, THRE (แต่อาจต้องระวังการเคลมประกันโควิด) 3) หุ้นธีมเปิดเมืองยังน่าสนใจ CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 4) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 5) เก็งกำไรทางเทคนิค RAM, BCH, CHG, TQM, SCGP, JTS, CPN, AMATA, SVI

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวไม่หลุด 1,627 จุด ยังมองเป็นการเดินหน้าขึ้นทดสอบ 1,660-1,680 จุด โดยเป็นการสลับขึ้นลงของกลุ่มเปิดเมือง และกลุ่มอื่นๆ ช่วงสั้นโรงกลั่น ปิโตรเคมีเด่น กลุ่มการแพทย์ (BCH และ CHG) อาจเก็งสั้นๆได้ก่อนงบออก//หุ้นแนะนำ: TOP*, SCC*, EA*, WHA*

แนวรับ: 1,620-1,627/ แนวต้าน : 1,650-1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

 

ประเด็นการลงทุน

IMF ลดการเติบโตเอเชียปีนี้เหลือ 6.5% – IMF ลดประมาณการเติบโตของเอเชียปีนี้เหลือ 6.5% จากเดิมคาดการณ์ไว้ 7.6% สำหรับเศรษฐกิจไทย ลดประมาณการทั้งปีนี้และปีหน้า โดยคาดว่าปีนี้จะโตเพียง 1.0% จากที่คาดไว้ในเดือน เม.ย. 2.6% และคาดโต 4.5% ในปีหน้า จากที่คาดไว้ 5.7%

กบง.สกัดดีเซลพุ่ง - กบง.มีมติโดยให้ยกเลิก B6 แล้วกลับไปใช้สูตรเดิมเพื่อจำหน่ายดีเซล 3 เกรดคงเดิม คือ B7 B10 และ B20 มีผล 1 เดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมจ่อกู้อีก 2 หมื่นล้านบาทดูแลเต็มสูบ

ธปท.จ่อออกมาตรการใหม่ - ธปท.เตรียมเปิดมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดผ่อนปรนแอลทีวีเพิ่มเติมกระตุ้นกำลังซื้อมากขึ้น และอาจมีมาตรการอื่นๆ เพิ่มด้วย

ปรับค่าทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ – บอร์ดกทพ.รับทราบขึ้นค่าผ่านทาง"ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก"ตามสัญญา 15 ธ.ค. 64 รถ 4 ล้อ / 6-10 ล้อ /มากกว่า 10 ล้อ เพิ่มเป็น 65/105/150 เป็นบวกกับ BEM

 

ประเด็นติดตาม: -  21 ต.ค.: US initial jobless claims/ 22 ต.ค.: EU manufacturing index เดือน ต.ค., /2-3 พ.ย. – US ประชุม FOMC

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)