ททท.ผนึกรัฐ-เอกชน “ชะอำ-หัวหิน” รับทัวริสต์จากประเทศเสี่ยงต่ำ 1 พ.ย.นี้

ททท.ผนึกรัฐ-เอกชน “ชะอำ-หัวหิน” รับทัวริสต์จากประเทศเสี่ยงต่ำ 1 พ.ย.นี้

“ททท.” ร่วมกับภาครัฐและเอกชน เตรียมเปิดพื้นที่นำร่อง “ชะอำ-หัวหิน” รับนักท่องเที่ยวจากประเทศความเสี่ยงต่ำ และฉีดวัคซีนครบโดสเข้าเที่ยวไทยโดยไม่กักตัว มั่นใจพร้อมเริ่ม 1 พ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2564 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ จัดประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าที่พื้นที่นำร่องจังหวัดเพชรบุรี (ชะอำ) และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 เป็นต้นไป โดยพิจารณาความพร้อมของพื้นที่และระบบจัดการให้เป็นไปตามสาธารณสุขกำหนด ณ โรงแรมเชอราตัน หัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา จังหวัดเพชรบุรี

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัยและพัฒนา ททท. กล่าวว่า จากนโยบาย "เปิดประเทศ" รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสโดย “ไม่กักตัว” ตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป ททท.จึงได้ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ ประชุมเตรียมความพร้อมมาตรการเปิดพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยว ได้แก่ พื้นที่เทศบาลเมืองชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และตำบลหัวหิน หนองแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับพิจารณาเป็นพื้นที่สีฟ้านำร่องด้านการท่องเที่ยว “บลูโซน” ระยะที่ 1 (1-30 พ.ย.2564)

อ่านข่าว : "เปิดประเทศ 1 พ.ย." ผลดี-ผลเสีย และเสียงประชาชนส่วนใหญ่

โดยได้กำหนดเกณฑ์พิจารณาความพร้อมใน 2 ปัจจัย คือ 1.ความพร้อมเชิงพื้นที่ การกระจายวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมตามเกณฑ์อย่างน้อยร้อยละ 70 และในกลุ่ม 608 อย่างน้อย 80% เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เน้นย้ำความปลอดภัยของคนไทย และเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในพื้นที่เมืองชะอำ มีประชาชนที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 แล้ว จำนวน 17,964 คน คิดเป็น 59.08% และคาดว่าจะได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ครบตามเกณฑ์ 70% ภายในวันที่ 15 ต.ค.2564 ขณะที่พื้นที่เทศบาลเมืองหัวหิน มีประชาชนได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 แล้ว จำนวน 67,491 คน คิดเป็น 74.52% (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ต.ค.2564) รวมถึงพิจารณาเกณฑ์จำนวนผู้ติดเชื้อไม่เกิน 5-10 รายต่อแสนประชากรต่อวัน และแนวโน้มสถานการณ์การแพร่ระบาดประกอบการพิจารณาความพร้อมของพื้นที่ร่วมด้วย

2.ความพร้อมของระบบการจัดการในพื้นที่ ได้พิจารณาแผนปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐาน (SOP) สอดคล้องกับมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด จัดทำระบบกำกับติดตามและเชื่อมโยงกับศูนย์บัญชาการจังหวัด รวมถึงเชื่อมโยงเส้นทางการเดินทางท่องเที่ยวใน พื้นที่นำร่อง ชะอำ-หัวหิน รูปแบบ Sports & Leisure under Sunshine อาทิ เส้นทาง CHA-AM Zone พักและ ท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองชะอำเท่านั้น SEALED ROUTE พักโรงแรมในเมืองชะอำและมีโปรแกรมกีฬากอล์ฟ SELETED ROUTE อยู่ในที่พักหรือสนามกอล์ฟอย่างเดียว CONNECTED ROUTE เชื่อมโยงพื้นที่เปิดเมืองท่องเที่ยว ชะอำ-หัวหิน

ขณะที่ด้านความปลอดภัย ได้จัดตั้งศูนย์ CHA-AM Command Center และเบอร์สายด่วน 1132 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวกรณีฉุกเฉิน วางระบบเพื่อเผชิญเหตุและบริหารความเสี่ยง อีกทั้ง กำหนดให้ นักท่องเที่ยวใช้บริการสถานประกอบการที่ได้รับรองมาตรฐานสัญลักษณ์ SHA และ SHA Plus ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ รับรองว่าสถานประกอบการมีมาตรการทางสุขอนามัยในการควบคุมโควิด-19 อีกทั้งมีพนักงานในสถานประกอบการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้วเกินกว่า 70% ซึ่งสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ สะท้อนการบริหารจัดการนำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อใจในการเดินทางท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวได้

สำหรับพื้นที่ชะอำและหัวหิน ปัจจุบันมีสถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐานฯ รวมทั้งสิ้นมากกว่า 100 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำแผนการตลาดและแผนการสื่อสาร โดย ททท.จะร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีปกติใหม่ (New Normal) ในตลาดต่างประเทศผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดใน หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวอย่างครอบคลุม เจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีกำลังซื้อสูง กลุ่มกอล์ฟ กลุ่มรักสุขภาพ (wellness) และกลุ่มครอบครัวควบคู่กับการสื่อสารสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนชาวไทย เพื่อร่วมกันเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและแข็งแรงต่อไป