บวกจากเรื่องเปิดเมือง แต่ลบภายนอกกังวลเงินเฟ้อขึ้นและ GDP ชะลอ

บวกจากเรื่องเปิดเมือง แต่ลบภายนอกกังวลเงินเฟ้อขึ้นและ GDP ชะลอ

เดินหน้าเปิดประเทศและเพิ่มระดับการผ่อนคลาย นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เดินหน้าเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พ.ย.

อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซันหรือมีผลการตรวจยืนยัน สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว โดยเริ่มจากกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศ (อาทิ อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และสหรัฐฯ เป็นต้น) และทยอยเพิ่มจำนวนขึ้น ขณะทั้งแต่ 1 ธ.ค. จะเริ่มพิจารณาอนุญาตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร และสถานบันเทิงกลับมาเปิดบริการภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เหมาะสม แม้ผลดีต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนอาจใช้เวลา แต่มาตรการดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวและการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะสนับสนุนการฟื้นตัวของการบริโภค ภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ และสนับสนุนการเก็งกำไรในธีมเปิดเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรามองหุ้นที่จะได้ประโยชน์ได้แก่ 1) กลุ่มบันเทิงและสุขภาพ 2) กลุ่มโรงแรม 3) กลุ่มสายการบิน 4) กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น หุ้นที่เราชอบได้แก่ MAJOR, SPA, MINT, CENTEL, ERW, AAV, BA, CPALL, MAKRO

บรรยกาศลงทุนรวมอาจมีแรงกดดันจากการปรับลด GDP ของ IMF กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีกำหนดการเผยแพร่รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ฉบับใหม่ 12 ต.ค. ซึ่งเราประเมินมีแนวโน้มเห็นการปรับลดประมาณการ GDP โลกลงจากการระบาดของสายพันธ์เดลต้าในช่วงไตรมาส 3/64 ซึ่งเมื่อรวมกับตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้ระยะสั้นความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโตต่ำเงินเฟ้อสูง (Stagflation) สร้างแรงกดดันต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น และทำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อการจับตาแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/64 ที่กำลังจะประกาศมากขึ้น
 

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP, BANPU 2) การเพิ่มเพดานหนี้เป็น 70% และแผนกู้เงินเพิ่ม จะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH, THRE, BLA 3) หุ้นธีมเปิดเมืองยังน่าสนใจแม้อาจย่อจากมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผ่อนคลายกทม.ที่น่าจะล่าช้าไปจาก 15 ต.ค. CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 4) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 5) เก็งกำไรทางเทคนิค WIIK, FORTH, FSMART, TNP, TWPC, NER, HFT, BEC, CPI, TKS, SKN, MAJOR, CPN, ERW

ภาพรวมกลยุทธ์: ผันผวน โดยปัจจัยบวกเฉพาะตัวระยะสั้นมาจากเรื่องการเปิดประเทศมีโอกาสหนุนหุ้นกลุ่มธีมเปิดเมือง แต่ระวังหากโดดแรงไม่ควรไล่ราคา ขณะที่ภาพรวมยังภายนอกช่วงสั้นเป็นลบจากความกังวลเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามการย่อของ SET หากไม่หลุด 1,627 ยังมองเป็นการเดินหน้าขึ้นทดสอบ 1,660-1,680 จุด โดยเป็นการสลับขึ้นลงของกลุ่มเปิดเมือง, หุ้นได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ (อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้น) และกลุ่มโภคภัณฑ์ //หุ้นแนะนำ: KEX*, SPA*, DIF*, UEC*

แนวรับ: 1,627/ แนวต้าน : 1,650-1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

กกร.ขยับกรอบ GDP ปีนี้เป็น 0.0 ถึง 1.0% - กกร. ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 64 ขึ้นมาอยู่ในกรอบ 0.0-1.0% จากเดิมที่ -0.5-1.0% รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ อาทิเช่น โครงการคนละครึ่งเฟสสาม, โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟสสาม ขณะที่ประเมินยอดส่งออกขยายตัว 12-14% จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดี

KEX - เคอรี่ เอ็กซ์เพรสฯ ประกาศจับมือกับ  “เบทาโกร” ตั้งบริษัทร่วมทุน “เคอรี่ เบทาโกร” ถือหุ้น 60:40 ดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์ทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็ง เจาะกลุ่มร้านอาหารทั่วประเทศ คาดเปิดใหห้บริการเต็มรูปแบบในไตรมาส 2/65

RJH – มีมติซื้อหุ้นคืนผ่านตลท. 5.75 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.92% ของทุนจดทะเบียน วงเงิน150 ล้านบาท ระหว่าง 1 พ.ย.64-30 เม.ย.65

ประเด็นติดตาม: -  12 ต.ค.: IMF ออกรายงานเศรษฐกิจ โลก ฉบับใหม่ /13 ต.ค.: OPEC Monthly report/ 17 ต.ค. วันสุดท้ายทูลเกล้ารัฐธรมมนูญใหม่

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)