ลุ้นเปิด 5 จังหวัดท่องเที่ยว 1 พ.ย. ‘ชะอำ’ ลั่นระฆังพร้อมรับทัวริสต์!

ลุ้นเปิด 5 จังหวัดท่องเที่ยว 1 พ.ย. ‘ชะอำ’ ลั่นระฆังพร้อมรับทัวริสต์!

ก่อนหน้านี้ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดการณ์ว่าในวันที่ 1 พ.ย.2564 เป็นต้นไป จะสามารถเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบตั้งแต่ประเทศต้นทาง ได้อีก 5 จังหวัด

ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ (อ.เมืองฯ อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ชลบุรี (พัทยา อ.บางละมุง ต.นาจอมเทียน ต.บางเสร่) ประจวบคีรีขันธ์ (ต.หัวหิน ต.หนองแก) เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ)

ภายใต้เงื่อนไขสำคัญว่าก่อนถึงดีเดย์ 1 พ.ย.นี้ จังหวัดที่กำหนดไว้ดังกล่าวนั้นจะต้องมีการกระจายวัคซีนแก่ประชากรไม่น้อยกว่า 70% ของประชากรในพื้นที่ตามเกณฑ์สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และต้องไม่พบการระบาดของโควิด-19 ใหม่ที่เป็นคลัสเตอร์ขนาดใหญ่และรุนแรงอีกรอบ!!

กรัณย์ สุทธารมณ์ รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี กล่าวยืนยันความพร้อมของพื้นที่ “เทศบาลเมืองชะอำ” ว่าสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติฯภายใต้โครงการ “ชะอำ ซันชายน์” (Cha-am Sunshine) ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไปอย่างแน่นอน!

โดยจากข้อมูล ณ วันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา มีประชากรในพื้นที่เทศบาลเมืองชะอำจำนวน 29,000 คน ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้ว 72.27% และเข็มที่ 2 จำนวน 49.37% คาดว่าจะสามารถฉีดครบทั้ง 2 เข็มเกินกว่า 70% ตามเกณฑ์สร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่คนในพื้นที่ได้ภายในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ทั้งนี้ได้กำหนด 4 รูปแบบในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติฯ ได้แก่ 1.การพักและท่องเที่ยวในเขตเทศบาลเมืองชะอำ (Cha-am Zone) 2.การพักในโรงแรมและมีโปรแกรมเล่นกอล์ฟ ในเส้นทางท่องเที่ยวพิเศษตามกำหนด (Sealed Routes) 3. การพำนักอยู่ในที่พัก หรือสนามกอล์ฟเพียงอย่างเดียว (Selected Routes) และ 4.การท่องเที่ยวในเส้นทางเชื่อมโยงพื้นที่เปิดเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่หัวหิน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องพำนักในชะอำอย่างน้อย 7 วันแรกก่อน โดยคณะทำงานภาครัฐและเอกชนด้านการเปิดเมืองชะอำมีกำหนดประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 13 ต.ค.นี้ เพื่อซักซ้อมมาตรการและแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนเพิ่มเติม

“เราคาดหวังว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติฯในระยะเริ่มต้นช่วง 2 เดือนโค้งท้าย พ.ย.-ธ.ค.นี้ เมืองชะอำจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวน 1,000 คนต่อเดือนจากยุโรป สร้างรายได้ประมาณ 15–20 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับการสื่อสารและการทำการตลาดด้วย”

หากเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวน 54,000-55,000 คนต่อเดือน ขณะที่ทั้งปี 2562 จ.เพชรบุรี มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีประมาณ 550,000 คน สร้างรายได้กว่า 4,700 ล้านบาท เฉลี่ยคนละ 8,500 บาท ส่วนในระยะถัดไป คาดว่าต้องใช้เวลาในการทำการตลาดถึงช่วงกลางปี 2565 เพื่อฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

“ทั้งนี้สัดส่วนนักท่องเที่ยวในพื้นที่ชะอำ แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 90% ตลาดต่างชาติ 10% แต่เนื่องจากชะอำเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับหัวหิน จึงเริ่มดำเนินการเปิดรับต่างชาติพร้อมกัน”

โดยการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะส่งผลกระทบต่อตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศซึ่งเป็นตลาดหลักของชะอำหรือไม่นั้น เนื่องจากเราเชื่อมั่นในกระบวนการคัดกรองตั้งแต่ต้น และการตรวจหาเชื้อในครั้งแรกในวันที่เดินทางเข้ามา รวมถึงครั้งที่ 2 ในวันที่ 6-7 ด้วย ซึ่งจะมีการจัดเตรียมรถตรวจหาเชื้อเคลื่อนที่เพื่อเข้าไปให้บริการตรวจหาเชื้อนักท่องเที่ยวต่างชาติภายในโรงแรมทันทีเพื่อสร้างความมั่นใจ และป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนในพื้นที่ชะอำ

นอกจากนี้ได้กำหนด “แผนเผชิญเหตุ” ที่ยึดหลักของโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” โดยปัจจุบันพื้นที่ชะอำ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 5-10 คนต่อวัน โดย จ.เพชรบุรี มีโรงพยาบาล 8 แห่ง มีห้องฉุกเฉิน จำนวน 16 เตียง จึงอยู่ในระดับที่โรงพยาบาลสามารถรองรับได้

ด้าน “การเตรียมพร้อมของผู้ประกอบการ” พื้นที่ชะอำมีโรงแรมรวมกว่า 159 แห่ง คิดเป็นห้องพัก จำนวน 5,000 ห้อง ปัจจุบันเปิดให้บริการเกือบ 100% แต่มีโรงแรมที่มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 24 แห่ง ซึ่งผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการปลอดภัย การให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล และการฉีดวัคซีนแก่พนักงาน ทั้งนี้ได้รับเครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย (SHA+) แล้ว 14 แห่ง ส่วนอีก 10 แห่งคาดว่าจะได้รับภายในวันที่ 15 ต.ค.นี้ เท่ากับว่าจะมีจำนวนห้องพักที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้รวมกว่า 2,594 ห้อง สามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กว่า 5,000 คน