B ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ

B ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ

B ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน : บริษัท บีจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจหลัก 1) ธุรกิจขนส่ง ตั้งอยู่ที่อำเภอ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี

โดยมีรถเทรลเลอร์ จำนวน 37 คันและ เครนเคลื่อนที่ 2 คัน 2) บริการขนส่ง E-commerce ภายใต้สัญญารับจ้างขนส่ง โดยบริษัทมีรถบรรทุก 4 ล้อขนาดใหญ่ ให้บริการ จำนวน 16 คัน รวมทั้งบริการพิธีการศุลกากร 3) ธุรกิจบริหารจัดการน้ำดิบ ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% ในบจ.  เทพฤทธา  ซึ่งมีสัญญาขายน้ำให้กับบมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) และ 4) ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ผ่านบริษัท Megawatt (MGW) (B ถือหุ้นจำนวน 36.34%) ซึ่งแสดงในตาราง Appendix ด้านล่าง

-  รายงานกำไร 2Q64 ที่ 20 ลบ. -74%QoQ แต่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากปี 63 : บริษัทมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ 54 ลบ. เติบโต 8%QoQ แต่ลดลง 28%YoY เนื่องจากการเลิกประกอบธุรกิจท่าเรือตั้งแต่ 1Q64 ที่ผ่านมา ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจาก 9.2% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนสู่ระดับ 14.8% จากการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ต้นทุนบริการลดลง ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารทรงตัวที่ระดับ 14.7 ลบ. ใกล้เคียงกับปี 63 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 20 ลบ. ลดลง 74%QoQ แต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปี 63 ที่มีผลขาดทุน ทั้งนี้บริษัทรายงานกำไร 1H64 ที่ 98 ลบ. เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปี 63 เนื่องจากมีกำไรจากการขายท่าเรือใน 1Q64 ราว 111.9 ลบ. หากตัดรายการพิเศษออก จะมีผลขาดทุนสุทธิ ใน 1H64 ที่ -14 ลบ.
 

-  เข้าถือหุ้น 36.34% ในบริษัท Megawatt (MGW) ซึ่งลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 60 MW และมี Upside อีก 110 MW : บริษัทขยายการลงทุนในการเข้าถือหุ้น 36.34% ใน The Megawatt (MGW) ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 60MW แบ่งเป็น 1) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทย (Siam Solar Generation กำลังการผลิต 27MW, MGW ถือหุ้น 90%) 2) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม (GA power กำลังการผลิต 29MW, MGW ถือหุ้น 60%) และ 3) Private PPA Solar (กำลังการผลิต 3 MW และ 1 MW ตามลำดับ MGW ถือหุ้น 60% และ 100% ตามลำดับ) นอกจากนี้ผลการดำเนินงานในอนาคตยังมี upside จาก 1) เข้าประมูลโรงไฟฟ้าขยะผ่านบริษัท Powertech Energy กำลังการผลิต 9.5 MW, MGW ถือหุ้น 90% และ 2) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเมียนมา กำลังการผลิต 360 MW ซึ่งคาดว่าจะแบ่งเป็น 7 เฟส เฟสละ 50-60 MW ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ (MGW ถือหุ้น 90%)

-  ประเมินราคาเหมาะสมสำหรับปี 65 อยู่ในช่วง 0.84-1.55 บาทต่อหุ้น : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี Sum of the Part (SOTP) โดยแบ่งเป็น 2 หมวดธุรกิจได้แก่  1) ธุรกิจขนส่งประเมินด้วยวิธี Price to Book value อิง Prospective PBV ที่ระดับ 1  เท่า ได้มูลค่าเท่ากับ 0.27 บาทต่อหุ้น และ 2) ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนด้วย Prospected P/E Ratio ที่ระดับ 10 เท่าได้ราคาเหมาะสมของโรงไฟฟ้าในปัจจุบันเท่ากับ  0.57 บาทต่อหุ้น และมี Upside จากโครงการในอนาคตอีก 0.71 บาทต่อหุ้น (โรงไฟฟ้าขยะ 9.5MW และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่พม่า 100 MW จาก 360 MW) ดังนั้น ราคาเหมาะสมสำหรับปี 65 อยู่ในช่วง 0.84-1.55 บาทต่อหุ้น 
 

 

ความเสี่ยง : COVID-19 กลับมาระบาดรุนแรงและยืดเยื้อ 

                  : เศรษฐกิจโลกชะลอตัว 
                  : ปัญหาการเมืองในเมียนมาอาจส่งผลให้โครงการ   
                    ที่ไปลงทุนเกิดความล่าช้าหรือไม่สามารถ 
                    ดำเนินงานได้ 
                  : การล็อคดาวน์ในหลายประเทศที่ส่งผลต่อการ
                    เดินทางข้ามประเทศ 
                  : การแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจขนส่ง 
                  : ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่ 
                  : ความเสี่ยงจากการที่ลูกค้าไม่สามารถชำระ
                    ค่าบริการได้ 
                  : ความเสี่ยงจากธุรกิจขนส่งที่ยังมีผลขาดทุน 
                  : ข้อพิพาททางกฎหมาย